วันเสาร์ที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

Health


น้ำใบบัวบก ลดริ้วรอย



อย่างที่รู้ ๆ กันอยู่ว่า... น้ำใบบัวบก มีประโยชน์มากมายกับร่างกายเรา มีวิตามินเอสูงมาก ช่วยบำรุงสายตา และมีแคลเซียมสูง มีวิตามินบี 1 สูงกว่าผักหลาย ๆ ชนิด ช่วยแก้ช้ำใน ทำให้หายฟกช้ำได้ดี ลดอาการปวดศรีษะข้างเดียว บำรุงสมอง บำรุงหัวใจ แก้อ่อนเพลียเมื่อยล้า แก้ความดันโลหิตสูง

นอกจากนี้ ยังมีฤทธิ์ทำลายเซลล์มะเร็ง ลดการอักเสบและรักษาแผลในกระเพาะอาหารและลำไส้ ช่วยในการไหลเวียนของโลหิต ทำให้เลือดแข็งตัวเร็ว และช่วยขับปัสสาวะ (ว้าว... ประโยชน์เยอะจริง ๆ เลย)

แต่... ใครจะรู้บ้างว่า น้ำใบบัวบก ยังสามารถลดริ้วรอยบนใบหน้าของสาว ๆ ได้ดีอีกด้วย วันนี้เราจะพาไปดูวิธีทำง่าย ๆกัน...

นำใบบัวบกที่เตรียมไว้มาล้างน้ำให้สะอาด แล้วนำมาปั่นให้ละเอียด จากนั้นคั้นเอาแต่น้ำของมัน พอได้น้ำใบบัวบกสด ๆ มาแล้ว ใช้สำลีชุบน้ำใบบัวบกมาทาให้ทั่วใบหน้า ปล่อยทิ้งไว้ประมาณ 15 – 20 นาที แล้วล้างออกให้สะอาด อย่างไรก็ตาม คุณสาว ๆ สามารถทำสูตรนี้ใช้ได้ทุกวัน หรือตามสะดวก จะช่วยลดริ้วรอยบนใบหน้าของคุณให้จางลงได้
เป็นไง... วิธีทำนั้นง่ายมาก ๆ เลยใช่ไหมล่ะ ว่าแล้วเราลองไปทำกันเลยดีกว่า...

ผิวสวยจากข้างใน ใส่ใจอาหารบํารุงผิว


ผิวสวยจากข้างใน ใส่ใจอาหารบํารุงผิว (Mother&Care)
ไม่ว่าหญิงหรือชาย มักปรารถนาเป็นเจ้าของผิวสวยตามธรรมชาติ เรียกกันว่าสวยมาจากข้างในชนิดที่ไม่ต้องพึ่งพาโลชั่นบํารุงผิวให้เสี่ยงต่อสารเคมี โดยเฉพาะคุณแม่ที่กําลังตั้งครรภ์ ต้องเริ่มมาจาก "You are what you eat" กินอย่างไรก็ได้เช่นนั้น ในเรื่องผิวก็เช่นกัน เพราะคุณสามารถสร้างให้ผิวสวยขึ้นได้จากอาหารการกิน


มาลองทบทวนกันดูสิว่าในแต่ละวัน คุณได้ทานอาหารเหล่านี้บ้างหรือยัง

ส้ม อุดมไปด้วยสารต่อต้านอนุมูลอิสระ ช่วยบํารุงผิวพรรณให้สดใสดูอ่อนวัย

มะนาว อุดม ด้วยวิตามินซีที่มีประโยชน์ต่อผิว แล้วยังช่วยทําความสะอาดตับ ซึ่งทําหน้าที่กําจัดของเสียออกจากร่างกายได้อีกด้วย

แครอท ให้คุณค่าเบต้าแคโรทีน ซึ่งจะเปลี่ยนเป็นวิตามินเออาหารที่จําเป็นสําหรับผิว

กีวี ประกอบด้วยวิตามินซีที่เป็น ประโยชน์ต่อการสร้างคอลลาเจน

อะโวคาโด อุดมด้วยวิตามินอีที่ช่วยบํารุงผิว กินอะโวคาโดวันละผลจะให้วิตามินอี เพียงพอกับความต้องการของร่างกายในแต่ละวันได้

โยเกิร์ต ช่วยในการขับถ่าย ทําให้ผิวพรรณสดใส ไม่หมองคล้ำ

เมล็ดถั่วต่าง ๆ อุดมด้วยโปรตีน ซึ่งเป็นสารอาหารที่จําเป็นสําหรับผิวสวย

งา อุดมด้วยวิตามินบี สังกะสี โพแทสเซียม ช่วยเสริมสร้างเซลล์ผิวใหม่ทําให้ผิวสดใสอ่อนวัยเสมอ

น้ำมันมะกอก มีวิตามินอีอยู่มาก ช่วยบํารุงคอลลาเจนใต้ผิวให้เนียมนุ่มชุ่มชื่นอย่างเป็นธรรมชาติ

ผักโขม อุดมด้วยธาตุเหล็ก ช่วยบํารุงผิวให้เปล่งปลั่งมีสุขภาพดี

ปลามีไขมัน เช่น แซลมอน น้ำมันปลาช่วยให้ผิวเต่งตึงไม่เหี่ยวย่น กินอย่างน้อย 2 มื้อต่อสัปดาห์

น้ำสะอาด อย่างน้อยวันละ 8 แก้ว ช่วยชําระของเสียและสารพิษต่าง ๆ ออกจากร่างกาย

ลูกพีช องุ่น แอปเปิ้ล ส้ม อ้อย มะขาม มีวิตามินที่ช่วยให้ผิวสดใส มีน้ำมีนวลอย่างเป็นธรรมชาติ

บํารุงผิวคุณแม่สวย
ผิวแห้ง เพิ่มปลาที่มีน้ำมัน เช่น แมคคอเรล แซลมอน กะตัก เมล็ดธัญพืช ถั่วเปลือกแข็ง เพื่อให้ผิวได้รับไขมันที่ดี ลดไขมันอิ่มตัว มาร์การีน ฟาสต์ฟู้ด อาหารสําเร็จรูป มันฝรั่งทอด บิสกิต น้ำตาลทรายขาว

ผิวมัน เพิ่มผลไม้ ผักสดให้ผิวชุ่มชื่น เช่น สับปะรด มะละกอ อะโวคาโด ถั่วเปลือกแข็ง เมล็ดธัญพืช ลดอาหารที่มีไขมันอิ่มตัว นม เนย เนื้อแดง

ผิวแพ้ง่าย เพิ่มวิตามิน วิตามินเอ วิตามินซี ซึ่งพบในแครอท มะม่วง กีวี ข้าวโอ๊ต ถั่วเปลือกแข็ง เนื้อสัตว์ เพื่อเพิ่มธาตุสังกะสี และลดอาหารรสจัด เช่น พริก พริกไทย เป็นต้น

หลีกเลี่ยงอาหารทําลายผิว
มาร์การีน เป็นตัวการทําให้เกิดริ้วรอยมากขึ้น

อาหารทอด ทําให้รูขุมขนอุดตันจนเกิดสิว

คาเฟอีน ดูดซึมวิตามินและแร่ธาตุที่จําเป็นจากร่างกาย และทําให้ผิวขาดความชุ่มชื่น

เครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ ทําให้ร่างกายเกิดภาวะขาดน้ำ กรณีที่แพ้จะทําให้ผิวเป็นผื่นแดงได้ด้วย


มาลดอาการปวดประจำเดือนกันดีกว่า

บรรเทาอาการปวดด้วยกระเป๋าน้ำร้อน

วิธีแสนจะเบสิกที่ใคร ๆ ก็นิยมใช้กัน เพียงแค่เทน้ำร้อนใส่ลงในกระเป๋าน้ำร้อน แล้วพันด้วยผ้าขนหนู เพื่อไม่ให้ร้อนจนเกินไป วางประคบที่ท้องน้อยสักครึ่งชั่วโมง หรือนานกว่านั้นจนกว่าจะรู้สึกดีขึ้น นอกจากนี้การจิบน้ำอุ่น ๆ หรือการอาบน้ำอุ่น ๆ ก็ช่วยลดอาการปวดได้

ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ

"การออกกำลังกาย" ถือเป็นยาวิเศษสามารถบำบัดอาการได้ทุกโรค ไม่เว้นแม้แต่การปวดประจำเดือน เพราะการออกกำลังจะทำให้ร่างกายหลั่งสารเอนโดรฟินออกมา ซึ่งสารนี้เป็นสารระงับปวดตามธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นการออกกำลังกายรูปแบบใด อย่างเช่น การเล่นโยคะ ก็สามารถลดอาการปวดท้องน้อย และอาการปวดหลังได้

หากออกกำลังกายเป็นประจำ สาว ๆ จะลืมคำว่าปวดประจำเดือนไปเลยทีเดียว

นอกจาก 2 วิธีเบสิกข้างต้นแล้ว การรับประทานอาหารให้ถูกหลัก ก็สามารถคลายอาการปวดประจำเดือนได้เช่นกันนะ โดยอาหารที่สาว ๆ ควรรับประทานก็คือ

อาหารที่มีธาตุเหล็ก หรือแมกนีเซียมสูง

ไม่ว่าจะเป็น ตับ ไข่แดง หรือผักใบเขียว เพื่อช่วยให้ร่างกายดูดซึมธาตุเหล็กไปใช้งานได้ดีขึ้น นอกจากนี้ แมกนีเซียม และธาตุเหล็ก ยังช่วยลดอาการปวดเกร็งตามกล้ามเนื้อส่วนต่าง ๆ แน่นอนว่า รวมถึงอาการปวดเกร็งช่วงท้องได้เช่นกัน

ตังกุย

สมุนไพรจีนชื่อคุ้นหู อุดมไปด้วยวิตามินบี 12 และกรดโฟลิก ซึ่งมีสรรพคุณช่วยบำรุงเลือด และมดลูกของคุณสาวๆ ได้โดยตรง หากทานตังกุยเป็นประจำจะช่วยลดอาการปวดท้อง และช่วยปรับฮอร์โมน ทั้งยังทำให้ประจำเดือนมาเป็นปกติอีกด้วย ว่าแล้วก็ลองนำตังกุยมาตุ๋นใส่น้ำแกงทานดูได้

น้ำมันอีฟนิ่งพริมโรส

ในน้ำมันอีฟนิ่งพริมโรส มีกรดไขมันหนึ่งตัว ชื่อว่า "กรดแกมม่า ไลโนเลนิก" ซึ่งมีคุณสมบัติลดหรือต้านการอักเสบ จึงช่วยลดอาการปวดเกร็งท้อง แถมลดอาการตัวบวมที่มักจะเกิดขึ้นก่อนประจำเดือนมาได้ด้วย

หยุด! ลูกพูดคำหยาบคาย


หยุด! ลูกพูดคำหยาบคาย (modernmom)

ปัญหานี้เป็นปัญหาที่พบได้เป็นประจำในทุกบ้าน เพราะพอเด็กๆ มีเพื่อนหรือไปโรงเรียนก็จะเลียนแบบกัน ยิ่งปัจจุบันมีสื่อให้เห็นทุกวัน สำบัดสำนวนของเจ้าตัวน้อยก็จะสวิงสวายไปตามข้อมูลที่ได้รับ จนพ่อแม่ได้ยินก็มักจะตกใจ บางคนถึงกับคิดไปไกลว่า ลูกจะกลายเป็นไม่มีมารยาทไปไหม อย่าเพิ่งตีตนไปก่อนไข้ มีวิธีแก้ไข

คำหยาบมีที่มา
การเลือกใช้คำพูด เป็นส่วนหนึ่งของมารยาทสังคม และเป็นตัวบ่งชี้ความสามารถทางภาษา ซึ่งโยงไปถึงความสามารถในการเรียนรู้และวิเคราะห์ของเด็ก เช่น เด็กที่ใช้คำที่เป็นนามธรรมอย่างเข้าใจ สามารถเรียนรู้เรื่องยากๆ ได้ดีกว่าเด็กที่ยังต้องอธิบายเป็นนามธรรม
ส่วนการใช้คำพูดสุภาพหรือไม่ เป็นเรื่องของการเรียนรู้และสิ่งแวดล้อม เด็กในสลัมย่อมถูกห้อมล้อมด้วยการใช้คำไม่สุภาพและรุนแรง เด็กก็ต้องเรียนรู้เพื่ออยู่ร่วมและอยู่รอด ผมเคยพบครูในโรงเรียนละแวกชุมชนแออัด ที่พยายามสอนให้เด็กพูดสภาพ แล้วถูกแม่ต่อว่า ว่าทำให้ลูกถูกรังแกและรังเกียจจากเพื่อน ๆ เรื่องมารยาทต้องดูบริบท ไม่สามารถคิดลอย โดยไม่ดูสิ่งแวดล้อมรอบตัวได้

ดังนั้น การสอนเด็กในเรื่องนี้ จึงไม่ใช่การสร้างนิสัยให้สุภาพอย่างเดียว แต่ต้องพัฒนาเด็กให้ปรับตัวได้ตามสิ่งรอบตัว ตอนที่ต้องสุภาพก็ทำได้ ตอนออกทะลึ่งทโมนหรือหยาบหน่อยก็ต้องเป็น เคยอ่านบทความของ อาจารย์นิธิเอียวศรีวงศ์ ท่านว่า คำหยาบเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรม นอกจากจะเป็นการแสดงความก้าวร้าวกับคนที่เรารังเกียจแล้ว ยังเป็นคำที่ใช้แสดงความสนิทสนมกับคนที่เราชอบมากๆ ได้ด้วย แต่ไม่แน่ใจว่าท่านเจาะจงเฉพาะวัฒนธรรมไทยหรือทั่วไป

ช่วยลูกเลี่ยงคำหยาบ
ทีนี้เด็กยังเล็กเราจะให้ชินกับการใช้คำหยาบไม่ได้ เพราะจะกลายเป็นนิสัย ส่วนที่เป็นนิสัยต้องเน้นความสุภาพ ค่อย ๆ พัฒนาไปตามวัยกับสภาพแวดล้อม ส่วนการพูดคำหยาบหรือสำนวนชวนเป็นลมนั้นก็คงต้องปล่อยบ้าง ไม่ใช่ห้ามตลอด แต่ต้องไม่ปล่อยมากและจำกัดใช้กับคนที่เหมาะสม

อย่าตกใจให้ความสำคัญกับคำหยาบ
แรก ๆ คำเหล่านี้มักจะมาตอนเข้าโรงเรียน อย่างเร็วก็ชั้นอนุบาลทั่วก็ประมาณประถม พ่อแม่ที่ใกล้ชิดกับลูก จะสังเกตได้แม่นกว่าที่ไม่ใกล้ชิด เวลาได้ยินไม่ต้องตกใจ อาจจะห้ามเล็กน้อย สอนให้เข้าใจว่า "ค่าคำนี้เป็นคำหยาบ เราไม่พูดกัน เราพูดว่า......"

สังเกตคำพูดเพื่อวางแผนการสอน
จากนั้นให้หมั่นสังเกต เก็บเป็นข้อมูลไว้ก่อนว่า ความหยาบขนาดไหน หรือเป็นสำนวนเฉพาะวัย เช่น "เดี๋ยวตี้บ" แหล่งที่มาคำนี้ได้มาอย่างไร ลูกสามารถเลือกได้ไหม บางคำลูกรู้และเคยได้ยิน แต่เลือกไม่พูดถ้าเป็นแบบนี้ก็ดี แสดงว่าเด็กมีความคิดอ่านเป็นของตัวเองพอสมควร พอได้ข้อมูลครบแล้วค่อยวางแผนการสอน

กับเด็กเล็กจะยังไม่รู้คำไหนหยาบไม่หยาบ ต้องชี้เป็นคำ ๆ ไป ส่วนเด็กโตจะแยกแยะได้เอง ไม่ต้องสาธยายมาก ทุกครั้งที่แยกแยะ หรือห้ามปราม ต้องสอนด้วยว่าควรใช้คำใดแทน แล้วให้หัดพูดสักครั้งหรือสองครั้ง ส่วนเด็กโตไม่ต้อง

เรียนรู้จากสถานการณ์จริง
จากนั้นให้สังเกตในสถานการณ์จริง ว่าลูกเลือกคำที่เหมาะสมได้ไหม ถ้าทำได้ก็ไม่ต้องกังวลใจ เด็กยังมีคำแปลก ๆ อีกเยอะให้สังเกตครับ ลองนึกถึงตัวเราเอง โดยเฉพาะคุณพ่อบ้านมีคำหยาบตั้งมากมายที่เราพูดเป็นและพูดกับเพื่อน ๆ แต่พ่อแม่เราไม่เคยได้ยินคำเหล่านี้เลย ลูกกับเราก็จะเหมือนกัน ยกเว้นเวลาของขึ้นอาจจะได้ยินลูกหลุดออกมาบ้างเป็นครั้งคราว ก็อย่าเอามาเป็นอารมณ์ เพราะเวลาของขึ้นนั้นอะไร ๆ ก็เกิดขึ้นได้ สิ่งที่ต้องหัดเวลาลูกของขึ้น คือ พยายามเอาของออก (หมายถึงคำหยาบนั้น ๆ ที่พูดออกมา) ไม่ใช่ไปยุ่งกับรายละเอียด ในเรื่องท่าทางหรือวาจาอื่นที่แวดล้อม


วันจันทร์ที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

The Eiffel Tower, Paris

HISTORY


The Eiffel {y'-ful} Tower, an immense stucture of exposed latticework supports made of puddle iron, was erected for the Paris Exposition of 1889. The Prince of Wales (later King Edward VII of England) officiated at the ceremonial opening. Of the 700 proposals submitted in a design competition, one was unanimously chosen, a radical creation from the French structural engineer Alexandre Gustave Eiffel (b. Dec. 15, 1832, d. Dec. 28, 1923), who was assisted in the design by engineers Maurice Koechlin and Emile Nouguier, and architect Stephen Sauvestre.

However, the controversial tower elicited some strong reactions, and a petition of 300 names — including those of Guy de Maupassant, Émile Zola, Charles Garnier (architect of the Opéra Garnier), and Alexandre Dumas fils — was presented to the city government, protesting its construtcion The petition read, "We, the writers, painters, sculptors, architects and lovers of the beauty of Paris, do protest with all our vigour and all our indignation, in the name of French taste and endangered French art and history, against the useless and monstrous Eiffel Tower."

Nature lovers thought that it would interfere with the flight of birds over Pari But the Eiffel Tower was admired by Rousseau, Utrillo, Chagall, and Delauna It was almost torn down in 1909 at the expiration of its 20-year lease, but was saved because of its antenna — used for telegraphy at that time। Beginning in 1910 it became part of the International Time Servic French radio (since 1918), and French television (since 1957) have also made use of its stature. In the 1960s, it was the subject of a wonderful study by semiologist Roland Barthes.

Eiffel Towerunder construction April 1888

Built to celebrate the science and engineering achievements of its age, soaring 300m / 984 ft. (320.75m / 1,052 ft. including antenna) and weighing 7000 tons, the structure consists of two visibly distinct parts: a base composed of a platform resting on four separate supports (called pylons or bents) and, above this, a slender tower created as the bents taper upward, rising above a second platform to merge in a unified column


July 1888

This unprecedented work, the tallest structure in the world until the Empire State Building was built about 40 years later, had several antecedent Among them were the iron-supported railway viaducts designed by Eiffel, an arch bridge over the Douro River in Portugal with a span of 160 m (525 ft), and a design for a circular, iron-frame tower proposed by the American engineers Clarke and Reeves for the Centennial Exposition of 1876 Eiffel knew and publicly acknowledged this influence; he was no stranger to the United States, having designed the wrought-iron pylon inside Frederic Bartholdi's Statue of Liberty in 1885। Later in the same year, he had also begun work on the cupola of the Nice observatory.


December 1888

Eiffel was the leading European authority on the aerodynamics of high frames (he wrote "The Resistance of the Air" in 1913) In the construction of the Eiffel Tower, the curve of the base pylons was precisely calculated so that the bending and shearing forces of the wind were progressively transformed into forces of compression, which the bents could withstand more effectivel Such was Eiffel's engineering wizardry that even in the strongest winds his tower never sways more than 4-1/2 inche The superskyscrapers erected since 1960, such as the World Trade Center, were constructed in much the same way



completedMay 1889

Facilities and Views
In the basements of the eastern and western pillars, one can visit the gargantuan 1899 machinery which powers the elevators, an astonishing spectacle reminiscent of a Jules Verne novel। From the Tower's three platforms — especially the topmost — the view of Paris is superb. It is generally agreed that one hour before sunset, the panorama is at its best; don't forget to bring your camera, and experiment with the f-stop settings to capture a dazzling sunset on the Seine. If you can't be there in person, then check out a
Live Aerial View of Paris with TF1's webcam online: from the top of the Eiffel Tower, you can see Paris in real time, 24 hours a day, whatever the weather conditions in the French capital. To get the most out of this view of Paris, we suggest you surf their web site between 7:00 AM and 9:00 PM GMT (1:00 AM and 3:00 PM Eastern Time in the U.S.), when the City of Light is at its best.

First level: 57.63 meters (189 feet). Observatory from which to study the movements of the Eiffel Tower's summit. Kiosk presentation about the mythic painting of the Eiffel Tower. Space CINEIFFEL: offers an exceptional panorama of sights from the Tower. Souvenir shops (yes, every tourist MUST have a miniature replica). Restaurant "Altitude 95" (phone 01-45-55-20-04). Post office, with special stamps "Paris Eiffel Tower ". Panoramic gallery displaying the Monuments of Paris.

Second level: 115.73 meters (379 feet, 8 inches). Panorama of Paris. Telescopes, shops. Animated displays on the operation of the elevators. Jules Verne Restaurant (extremely expensive, reservations absolutely necessary; phone 01-45-55-61-44).

Third level: 276.13 meters (905 feet, 11 inches). Exceptional panoramic views, day or night, of Paris and its surroundings. Recently restored office, featuring wax reproductions of Gustave Eiffel and Thomas Edison in conversation (see photo. Panoramic guide displays to aid orientation. Dioramas presenting the history of this platform.

Probably the best approach to the tower is to take the Métro to the Trocadéro station and walk from the Palais de Chaillot to the Seine Besides fabulous views, especially when the Trocadéro fountains are in full force, you get a free show from the dancers and acrobats who perform around the Palais de Chaillot. The vast green esplanade beneath the tower is the Parc du Champs-de-Mars, which extends all the way to the 18th-century École Militaire (Military Academy), at its southeast end. This formal lawn was once a parade ground for French troops.


The Eiffel Tower at night is one of the great sights of Paris and shouldn't be missed. The gold lighting highlights the delicacy of the steelwork in a way that is missed in daylight. Skip the tour buses and pickpockets on Trocadéro and head up to the École Militaire for a more tranquil view.

However difficult its birth may have been, the Tour Eiffel is now completely accepted by French citizens, and is internationally recognized as one of the symbols of Paris itself.

Eiffel Tower
During its lifetime, the Eiffel Tower has witnessed a few strange scenes, including being scaled by a mountaineer in 1954, and two Englishmen parachuting off it in 1984। In 1923, the journalist Pierre Labric (who was later to become mayor of Montmartre) rode a bicycle down from the first level; some accounts say he rode down the stairs, others suggest the exterior of one of the tower's four legs which slope outward.

Politics have also played a role in its life During World War II, the Germans hung a sign on it that read: "Deutschland Siegt Auf Allen Fronten" ("Germany is victorious on all fronts") In 1958, a few months before Fidel Castro's rise to power, Cuban revolutionaries hung their red-and-black flag from the first level, and, in 1979, an American from Greenpeace hung one that read: "Save the Seals"। In 1989, the Tower celebrated its centennial with music and fireworks (the show lasted 89 minutes).


Operation
The Eiffel Tower is owned by the City of Paris, which has subcontracted its maintenance and daily operations since 2005 to SETE (Société d'Exploitation de la Tour Eiffel), a public utility

More than 500 people bring the Eiffel Tower to life each day About one half are employed by SETE, the others are concessionaires (souvenir boutiques, restaurants, telescope operations, ATMs, behind-the-scene tours) and civil service employees (police, fire personnel, post office, weather).















วันอาทิตย์ที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

ฝรั่งเศส: Français


ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับประเทศฝรั่งเศส

จำนวนประชากร :58।3 ล้านคน ( 01 มกราคม 2539) เป็นอันดับที่ 17 ของโลกความหนาแน่นของประชากร : 105 คน ต่อตารางกิโลเมตร พื้นที่ : มีพื้นที่ 551,000 ตารางกิโลเมตร เป็นประเทศที่มีพื้นที่กว้างขวางที่สุดในยุโรป หรือหนึ่งในสี่ของพื้นที่ในประชาคมเศรษฐกิจยุโรป หากมองดูจากแผนที่ประเทศฝรั่งเศสแล้ว จะเห็นว่าเป็นเหมือนรูปหกเหลี่ยม ดังนั้นบางครั้งคนฝรั่งเศสจึงเรียกประเทศของตนว่า L'hexagone ซึ่งแปลว่ารูปหกเหลี่ยม

เงินตรา และธนาคารหน่วยเงินของฝรั่งเศส : คือฟรังค์ (FF) 1 ฟรังค์มีค่าเท่ากับ 100 ซองตีม (เซนต์) ซึ่งมีมูลค่าเป็นเงินไทยประมาณ 7 บาท (เดือน มิถุนายน 2541) ธนบัตรฝรั่งเศสมีมูลค่า 500,200,100,50 และ 20 ฟรังค์ เงินเหรียญของฝรั่งเศสมีมูลค่า 50,20,10 และ 5 ซองตีม เหรียญ 50 ซอง จะออกมาในลักษณะ ฟรังค์

เวลา เวลาของฝรั่งเศสจะช้ากว่าที่เมืองไทย 6 ชั่วโมง เวลาทำงานและประกอบกิจการ สำนักงานส่วนใหญ่จะเปิดทุกวัน ยกเว้นวันอาทิตย์และบางแห่งวันจันทร์ ชั่วโมงทำการคือ 9.00 หรือ 10.00 น.-18.30 หรือ 19.00 น. หยุดพักเที่ยงตั้งแต่ 12.00 หรือ 13.00 น.-14.00 หรือ 15.00 น. ร้านค้าทั่วไปจะเปิดร้านประมาณ 9.00-18.00 น. ตั้งแต่วันจันทร์-เสาร์ และมักพักตอนเที่ยง มีร้านค้าจำนวนมากที่จะปิดในช่วงวันจันทร์ และแทบทุกร้านจะไม่เปิดขายสินค้าในวันอาทิตย์โดยเฉพาะช่วงบ่ายเลย ร้านขนมปัง มักจะเปิดกันตั้งแต่ 7.00 น. และหยุดพักตอนเที่ยง หลังจากนั้นจะเปิดอีกครั้งจนถึงเวลาประมาณ 19.00 น. หรือเกินกว่านั้น ส่วนร้านที่ไม่หยุดพักในตอนเที่ยง ได้แก่ซูเปอร์มาเก็ต ห้างสรรพสินค้า

ช้อปปิ้งน้ำหอม นักท่องเที่ยวทั่วไปนิยมซื้อน้ำหอมยี่ห้อที่ฝรั่งเศสเป็นต้นตำรับ ซึ่งราคาจะถูกกว่าที่นำมาขายในต่างประเทศมาก เมืองที่มีชื่อเสียงในการผลิตหัวน้ำหอมกลิ่นต่างๆ ได้แก่เมืองนีส คานส์ ริเวียร่า เป็นต้น ยี่ห้อน้ำหอมที่ขึ้นชื่อที่ฝรั่งเศสเป็นเจ้าตำรับได้แก่ Christian Dior และน้ำหอมของ Caron, Givenchy, Rochas, Guerlain, Paco Rabanne เป็นต้น

ขนมปังของฝรั่งเศสที่เรียกว่า บาแกตต์ (Baquette) มีเอกลักษณ์พิเศษกว่าใคร ด้วยการทำเป็นทรงยาวกว่า 2 ฟุต เส้นผ่าศูนย์กลาง 2-3 นิ้ว เวลาทานมักบิออกด้วยมือ หรือฝานออกเป็นชิ้นๆ อีกชนิดที่นิยมคือ ครัวซอง
ขนมหวานที่เป็นที่รู้จักกันดี ได้แก่1। เครป (Crepe) เป็นเสมือนอาหารว่างมากกว่า พบเห็นทั่วไป ที่ขึ้นชื่อที่สุดคือ เครปซูเซตต์ หรือเครปน้ำตาลใส่น้ำส้มและเหล้า2. มารองกลาสเซ่ (Marron Glace) หรือเกาลัดเชื่อมหวานสนิม ร้านที่ขายที่ขึ้นชื่อ คือร้าน Fauchon3. เอแคลร์ (Eclair) ขนมอบใส่ใส้ครีม
ขนมว่างเป็นอาหารง่ายที่กินระหว่างมื้อ ที่ขึ้นชื่อก็คือ โคร้ก เมอซิเออร์ (Croque monsieur) ซึ่งเป็นแซนวิชวางแฮมและเนยแข็งไว้ข้างบนแล้วเข้าอบ ถ้าวางไข่ดาวด้วยเรียก โคร้ก มาดาม (Croque madam)

เนยแข็งชนิดของเนยแข็งฝรั่งเศสที่ขึ้นชื่อ อาทิ 1. รอคฟอร์ต (Roquefort) เนยกลิ่นแรงรสจัดมีเส้นสีฟ้าๆอยู่ในเนื้อเนย 2. กามองแบร์ (Camembert) เนยสีขาวนวลเนื้อนิ่ม มีเปลือกสีขาวรอบนอก ซึ่งกินได้ แต่ไม่ค่อยกิน3. บรี (Brie) เนยสีฟ้า หรือ Blue



ภาษาฝรั่งเศสที่ควรรู้

ไทย.........................................................ฝรั่งเศส............................ ออกเสียง
สวัสดี (ตอนเช้า) ...................................Bonjour...............................บงชู
สวัสดี (ตอนเย็น) .................................Bonsoir ............................... บงซัว
ลาก่อน..................................................Au revoir ........................โอ (เครอ) วัว
ใช่...........................................................Oui ......................................... หวิ
ไม่ ..........................................................Non .......................................น็อง
กรุณา.................................................S'll vous pla t ....................... ซิล วู เปล
ขอบคุณ .................................................Merci...................................แม็ก ซิ
ขอโทษ ................................................Pardon .................................ปากดง
...........................................................Excusez-moi .......................เอกซ์กูเซ มัว
สบายดีหรือ ..................................Comment allez-vous.............กอมมอง ตาเล วู้
คุณชื่อว่าอะไร....................................Comment vous.......................กอม มอง วู
ฉันชื่อว่า.............................................Je m'appelle ..........................เชอ มาแปล์ว
ของนี้ราคาเท่าไร...............................C'est combien........................เซ กง เบียง
ของนี้แพงเกินไป ..............................C'est trop cher .....................เช โทรบ์ แชร์
ฉันต้องการซื้อ ............................ Je voudrais acheter............... เชอ วูเดร อะ เชเต้
ห้องน้ำอยู่ไหน ................................Où est la toillette .................อู เอ ลา ตัวแลต


แคว้นทั้ง22ของฝรั่งเศส

แต่เดิมประเทศฝรั่งเศสมีชนดั้งเดิมมายึดครองอยู่คือชาว "Gaulois"พวกเขาได้เรียกประเทศฝรั่งเศสว่า LE GAULE
ILe-de-France ที่ตั้งอยู่ที่ Bassin Parisien อาหารประจำแคว้นได้แก่ เนย,สถานที่สำคัญของแคว้นได้แก่ Versailles ราชวังของพระเจ้าLouisXIV ปารีสเป็นเมืองหลวงของฝรั่งเศส
Centre อยู่ทางทิศตะวันออกของแคว้น Pays de Loire เป็นเมืองหลวงประจำแคว้นผลผลิตที่สำคัญ ได้แก่ พืช,ผักสวนครัว,องุ่น,ข้าวโพด
Pays de Loire แคว้นนี้มีชายแดนทางตะวันตกติดกับแคว้น Bretagne ทิศตะวันออกติดกับแคว้น Centre ทิศตะวันออกเฉียงใต้ติดกับที่ราบสูง มีเมืองหลวงชื่อว่า Nantes ผลผลิตที่สำคัญได้แก่ ข้าวสาลี,ข้าวโพด,ไร่องุ่น ผลิตภัณฑ์ที่สำคัญคือเหล้าองุ่นขาว แคว้นนี้มีปราสาทสวยงามมากมายที่สุดในฝรั่งเศส
Bretagne เป็นแคว้นที่มีลักษณะเป็นแหลมยื่นไปในมหาสมุทรแอตแลนติค เป็นแคว้นเดียวในฝรั่งเศสที่ไม่มีการผลิตเหล้าองุ่น เนื่องจากสภาพอากาศไม่เหมาะสมที่จะปลูกองุ่น แต่มีการประมงเป็นหลักเพราะติดทะเล เมืองหลวงของแคว้นมีชื่อว่า Rennes ผลผลิตที่สำคัญได้แก่ พืชไร่ที่เราเรียกว่า le cidre ขนมที่ขึ้นชื่อคือ
Crepes เมืองท่าที่สำคัญมีชื่อว่า Brest ส่วน Saint-Malo เป็นเมืองเก่าแก่ของแคว้น
La Basse-Normandieเป็นแคว้นที่มีชายฝั่งทะเลตะวันตกติดกับมหาสมุทรแอตแลนติค ชายฝั่งทางเหนือติดกับอ่าว Manche ทางตะวันออกเฉียงใต้ติดกับแคว้น Bretagne และทางทิศตะวันออกติดกับแคว้น Haute-Normandie เมืองหลวงประจำแคว้นชื่อ Caen ผลผลิตที่สำคัญคือ ข้าวสาลี,นม,การประมง สถานที่ท่องเที่ยวมีชื่อ Le Mont-Saint-Michel เป็นโบสถ์โบราณเก่าแก่สถาปัตแบบโรมัน สร้างอยู่บนโขดหินใกล้ทะเล
La Haute-Normandie มีเขตติดต่อกับแคว้น Basse-Normandie มีการผลิตเนยชั้นนำคุณภาพ และนำแอปเปิ้ลที่มีคุณภาพรสชาติอร่อย เมืองหลวงประจำแคว้นชื่อ Rouen
Picardie เป็นแคว้นที่ค่อนไปทางเหนือของฝรั่งเศส มีเมือง Amiens เป็นเมืองหลวง ผลผลิตสำคัญคือ ข้าวสาลี,การเลี้ยงสัตว์,การปลูกหัวผักกาดหวาน
Nord-Pas de Calais
แคว้นนี้ตั้งอยู่เหนือสุดของประเทศฝรั่งเศส มีเมือง Lille เป็นเมืองหลวงประจำแคว้น เมืองนี้เป็นเมืองแรกที่มีรถไฟใต้ดินวิ่งป็นเมืองแรกในฝรั่งเศส แคว้นนี้ผลิตเบียร์อย่างมีคุณภาพ เนื่องจากภูมิประเทศเหมาะกับการปลูกข้าวสาลีและข้าวบาร์เล่ย์
Le Champagne แคว้นนี้ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของแคว้น Picardie เมืองหลวงประจำแคว้นชื่อ Chalons-sur-Marne ผลผลิตสำคัญได้แก่ องุ่น,ข้าวสาลี,การเลี้ยงสัตว์ สถานที่สำคัญประจำแคว้นนี้คือ" โบสถ์เมือง Reims "ที่สร้างขึ้นด้วยสถาปัตยกรรมGothique
Lorraine ที่ตั้งของแคว้นนี้อยู่ทางชายแดนประเทศเบลเยี่ยม,ประเทศลักเซมเบอร์กและประเทศเยอรมัน เมืองหลวงของแคว้นชื่อ Nancy ผลผลิตที่สำคัญได้แก่ องุ่น,ข้าวสาลีและการเลี้ยงสัตว์
Alsace เป็นแคว้นที่ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของแคว้น Lorraine มีเมืองหลวงชื่อ Strasbourg ผลผลิตที่สำคัญได้แก่ ข้างสาลี,องุ่น,ข้าวโพด,ยาสูบ เครื่องดื่มที่มีชื่อเสียงประจำแคว้นได้แก่ เหล้าองุ่นขาวคุฌภาพเยี่ยม
Franche-Comte แคว้นนี้ตั้งอยู่ระหว่างแคว้น Bourgogne และประเทศสวิสเซอร์แลนด์ เมืองหลวงชื่อว่า Besacon ผลผลิตสำคัญได้แก่ ข้าวสาลี,ขนมปัง,เครื่องเทศ นาฬิกาชั้นนำมักจะผลิตที่นี้เป็นสินค้าส่งออก อาหารดังประจำแคว้นเนื่องจากว่าแคว้นนี้ผลิตเบียร์ได้มากจึงมีเบียร์คุณภาพ,เนยคุณภาพดี
La Bourgogne ตั้งอยู่ทางใต้ของแคว้น Champagne, อยู่ทางตะวันออกของ Pays de Loire ทางทิศตะวันตกของ Franche-Comte และทิศเหนือของแคว้น Rhone-Alpes เมืองหลวงชื่อ Dijon ผลผลิตสำคัญได้แก่ ข้าวสาลี,นม,เหล้าองุ่น อาหารดังประจำแคว้นมีชื่อว่า ไก่อบเหล้า,หอยทากอบ เหล้าองุ่นและเหล้าชนิดอื่นก็มีชื่อเสียงเช่นเดียวกันสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญคือ พระราชวังของดยุ๊ก
Rhone-Alpes ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของแคว้น Bourgogne และ Franche-comte เมืองหลวงมีชื่อว่า Lyon ผลผลิตที่สำคัญได้แก่ องุ่น,การเลี้ยงสัตว์,ข้าวสาลี,ข้าวโพด
L'Auvergne เป็นแคว้นที่มีภูเขาไฟ ตั้งอยู่ทางภาคตะวันออกของแคว้น Limousin ทางทิศใต้ของแคว้น Bourgogne เมืองหลวงของแคว้นชื่อ Clermont-Ferrand ผลผลิตสำคัญได้แก่ ข้าวสาลี,ข้าวโพด,ข้าวบาร์เลย์ และมีสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญได้แก่ โบสถ์ Notre-Dame
Limousin เป็นแคว้นที่มีการเลี้ยงแกะ ทางทิศตะวันตกของแคว้นเป็นที่ราบสูงกว้างใหญ่ ซึ่งล้อมรอบด้วยภูเขา เมืองหลวงชื่อ Limoges ผลผลิตสำคัญประจำแคว้นได้แก่ การเลี้ยงสัตว์ประเภทวัว แพะ แกะ สินค้าประจำแคว้นได้แก่ เครื่องปั้นดินเผา,เครื่องเคลือบลายคราม
Poitou-Charentes แคว้นนี้อยู่ทางทิศตะวันตกของแคว้น Limousin อยู่ทางทิศใต้ของแคว้น Centre เมืองหลวงของแคว้นชื่อ Poitiers สินค้าประจำแคว้นได้แก่ ข้าวสาลี,ข้าวโพด,การเลี้ยงสัตว์,องุ่น,เหล้า
Aquitaine เป็นแคว้นที่ตั้งอยู่มีชายฝั่งออกติดกับแนวมหาสมุทรแอตแลนติค เมืองหลวงชื่อ Bordeaux สินค้าของแคว้นคือ องุ่น,ยาสูบ,ข้าวสาลี,ข้าวโพด,การเลี้ยงสัตว์ และผลิตเหล้าคุณภาพดีมีลูกพรุนรสชาติดีนิยมกันมาก
Midi-Pyrenees ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของแคว้น Aquitain และอยู่ทางตอนใต้ของแคว้น Auverne เมืองหลวงชื่อ Toulouse ซึ่งแคว้นนี้มีชื่อเสียงไปทั่วโลกว่าเป็นเมืองที่มีการผลิตเครื่องบิน ผลผลิตที่สำคัญของแคว้นได้แก่ เนย,เนยแข็ง
Lanquedoc-Roussillon เป็นแคว้นที่มีชายแดนติดต่อกับแคว้น Provence ทางตอนใต้ติดกับทะเลสาป เมืองหลวงชื่อ Montpellier ผลผลิตสำคัญประจำแคว้นคือ องุ่น,เหล้าไวน์ ,พืชผักสวนครัว,เหล้า สถานที่สำคัญได้แก่ Site เป็นเมืองท่าสำคัญ,เมือง Agen เป็นเมืองตากอากาศ
Provence-Cote d'Azur ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของฝรั่งเศสติดกับทะเลเมดิเตอร์เรเนียนและชายแดนติดกัยอิตาลี เมืองหลวงของแคว้นชื่อ Marseille ผลผลิตที่สำคัญคือการปลูกดอก lavande ,การปลูกไร่องุ่น,การเพาะปลูกพืชผักสวนครัว
Corse แคว้นนี้ลักษณะเป็นเกาะอยู่ในทะเลเมดิเตอร์เรเนียนทางตอนใต้ของเมืองนีช เมืองหลวงชื่อ Ajaccio ผลผลิตสำคัญได้แก่ ลูกเกาลัด,องุ่น,ผลไม้,ผลิตภัณฑ์เนื้อสุกร,เนยแข็งจากนมแกะ,เหล้าองุ่นแดงและชมพู ล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งเด่นของแคว้นCorse

วันศุกร์ที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

One : Dee : Dee

Bonjour tout le monde.


ข้อควรทราบเกี่ยวกับวัยรุ่น



วัยรุ่นหรือวัยทีนเอจตามภาษาฝรั่ง เป็นวัยที่อยู่ระหว่างเด็กกับผู้ใหญ่ ซึ่งโดยทั่วไปถือกันจากเริ่มแตกเนื้อหนุ่มแตกเนื้อสาว เป็นช่วงที่สามารถเริ่มแพร่เผ่าพันธุ์ หรือที่บางคนเรียกว่า เริ่มเข้าวัยเจริญพันธุ์ แม้ว่ายังมีความเห็นที่แตกต่างกันว่าเมื่อใด ที่เริ่มเป็นวัยรุ่น และเมื่อใดที่เลิกเป็นวัยรุ่นก็ตาม แต่จุดที่เริ่มมีการเปลี่ยนแปลงจากเด็กมาสู่วัยรุ่น มีผลมาจากมีการเปลี่ยนแปลงในระดับของฮอร์โมน ในผู้หญิงจะเริ่มต้นเมื่ออายุ 10-11 ขวบ ในผู้ชายจะช้ากว่านิดหน่อยคือเมื่ออายุ 12-13 ขวบ และจะสิ้นสุดเมื่ออายุราว 17-18 ปี ทั้งสองเพศ ในระหว่างช่วงวัยรุ่นนี่เอง ที่มีการเปลี่ยนแปลงทั้งด้านร่างกาย จิตใจ และอารมณ์ ซึ่งถือเป็นวัยที่ปฏิบัติตนด้วยความยากลำบากมาก

วัยรุ่นจึงถือเป็นวัยที่สำคัญเป็นอย่างยิ่ง ที่ทุกคนไม่ควรมองข้าม ถ้าเป็นตัววัยรุ่นเองก็มองว่าเป็นวัยที่สนุกสนาน มีเพื่อนฝูงมากมาย เป็นวัยที่ไม่ค่อยคิดถึงความทุกข์ความร้อนมากเท่าใดนัก ถ้าเป็นคุณพ่อคุณแม่ก็มองว่าเป็นวัยที่หัวเลี้ยวหัวต่อ เป็นวัยที่ต้องควบคุมดูแลอย่างใกล้ชิดเพราะเกรงว่าจะเกิดความเสียหาย มองว่าเป็นวัยที่ต้องมานะศึกษาเล่าเรียน ไม่อยากให้สนุกสนานร่าเริงจนเกินขอบเขต เพราะคุณพ่อคุณแม่อาจจะต้องเสียใจ เนื่องจากมีวัยรุ่นจำนวนไม่น้อยที่ต้องเสียอนาคตไปในช่วงนี้ ถ้าเป็นพวกพ่อค้าขายเสื้อผ้าแฟชั่นทั้งหลาย ตลอดจนวงการบันเทิงทั้งหลาย ก็มองว่าวัยรุ่นเป็นกลุ่มเป้าหมายที่จะทำเงินให้ธุรกิจของเขา นอกจากนี้ในปัจจุบันเมื่อถึงวัย 18 ปี ยังบรรลุนิติภาวะพอที่จะไปเลือกตั้งได้อีกด้วย

ปัญหาที่เกิดในวัยรุ่นมีทั้งเรื่องที่เป็นสุขภาพทางกาย และปัญหาทางสุขภาพจิต บางครั้งสุขภาพทางกายทำให้เกิดปัญหาสุขภาพจิต และปัญหาสุขภาพจิตก็มีผลทำให้เกิดปัญหาทางสุขภาพกายได้เหมือนกัน ฉะนั้นในปัจจุบันความใกล้ชิดของผู้ปกครองหรือบิดามารดากับวัยรุ่น เพื่อเป็นที่ปรึกษาในทุกกรณีจะมีส่วนป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาที่ร้ายแรงได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัญหาเรื่องบุหรี่ ยาเสพติด และเหล้า ซึ่งส่วนใหญ่จะเริ่มเข้ามามีบทบาทในวัยนี้นี่เอง


ทำไมเบอร์รี่ถึงดีกับดวงตา



บิลเบอร์รี่(Bilberry) เป็นผลไม้สีน้ำเงินม่วง ที่พบมากในประเทศแถบยุโรป แคนาดา และสหรัฐอเมริกา ในแถบอังกฤษและยุโรปตอนเหนือ นิยมนำผลบิลเบอร์รี่สุกมาทำเป็นแยมมานานกว่า 100 ปีแล้วนอกจากนี้ยังนำส่วนของใบและก้าน ไปทำเป็นผลแห้งเพื่อทำเป็นผงชาสำหรับดื่มเพื่อสุขภาพกันอย่างแพร่หลายอีกด้วย

บิลเบอร์รี่ เริ่มฮิตติดอันดับเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 จากการที่นักบินทหารอากาศของประเทศอังกฤษ สังเกตว่ากินแยมบิลเบอร์รี่ก่อนฝึกบินในเวลากลางคืน ช่วยให้สายตาทำงานได้ดีขึ้นในที่มืด

นักวิจัยชาวฝรั่งเศสพบว่า บิลเบอร์รี่ มีสารสีน้ำเงินอมม่วง ที่เรียกว่า แอนโธไซยาโนไซด์ ซึ่งมีฤทธิ์เป็นตัวต้านอนุมูลอิสระสูง เมื่อเทียบกับผักและผลไม้อื่นๆ และยังช่วยบำรุงและสร้างโรดอบซิน (Rhodopsin) ซึ่งเป็นสารเคมีที่จอรับภาพ จึงช่วยให้สายตาทำงานได้ดีขึ้นในที่มืด ทำให้เราสามารถมองเห็นภาพได้แม้ในที่มีแสงน้อย

ประโยชน์ของอาหารเสริมที่สกัดจากบิลเบอร์รี่ ต่อสุขภาพดวงตา

1. ช่วยถนอมดวงตา ทำให้การมองเห็นในที่มืดดีขึ้น

2. ช่วยรักษาอาการตาบอดกลางคืน ( Night blindness)

3. ช่วยลดอาการเมื่อยล้าของดวงตา เมื่อใช้สายตานานๆ

4. ช่วยป้องกันเลนส์ตาและช่วยให้คอลลาเจนในตาในส่วน cornea และหลอดเลือดฝอยแข็งแรงขึ้น

5. ช่วยลดอนุมูลอิสระในจอตา ทำให้ป้องกันอาการเสื่อมที่มักจะเกิดกับดวงตาให้น้อยลงได้ เช่น ต้อกระจก ต้อหิน ต้อเนื้อ ตาเสื่อมในคนสูงอายุ(สายตายาว)

ด้วยเหตุนี้ การบริโภคบิลเบอร์รี่สดหรือในรูปเบอร์รี่สกัดเข้มข้น รวมทั้งผลไม้ตระกูลเบอร์รี่จึงช่วยบำรุงสายตาได้อีกวิธีหนึ่ง สงสัยแสนเสน่ห์คงต้องไปหาเบอร์รี่มาทานบ้างซะแล้ว เพื่อมาบำรุงดวงตาคู่สวยของเรา..

คุณเป็นสาวสีอะไร ?


สาวสีแดง เกิดวันที่ 23 ธันวาคม - 1 มกราคม และ 25 มิถุนายน - 4 กรกฎาคม คุณเป็นผู้หญิงที่น่ารัก มักจะตกหลุมรักบ่อย ๆ และคุณก็ชอบที่จะเป็นอย่างนั้นซะด้วย คุณเป็นคนที่สดใสร่าเริง แต่ก็มีโวยวายบ้างในบางครั้ง งานที่คุณถนัด คือ งานที่เทคแคร์ผู้คน จงภูมิใจเถิดว่าคุณเป็นคนที่อยู่ด้วยแล้วมีความสุขที่สุด สำหรับผู้ชายที่คุณชอบคือผู้ชายไม่เรื่องมาก และทำให้คุณสบายใจทุกครั้งที่อยู่กับเขา

สาวสีชมพู เกิดวันที่ 24 มกราคม - 3 กุมภาพันธ์ และ 26 กรกฎาคม - 4 สิงหาคม สิ่งที่ดีที่สุดเท่านั้นเป็นสิ่งที่คุณต้องการ ไม่ว่าคุณจะทำอะไรก็ตาม ต้องทำให้ดีที่สุด ไม่ว่าคุณจะทำอะไรก็ตาม ต้องทำให้ดีที่สุด เป็นที่พึ่งของเพื่อน ๆ คุณไม่ใช่คนที่พอใจอะไรง่าย ๆ และออกจะมองโลกในแง่ลบสักหน่อย และคุณเฝ้ารอใครบางคน ที่จะทำชีวิตรักของคุณเหมือนเจ้าหญิงในเทพนิยาย

สาวสีส้ม เกิดวันที่ 2 - 11 มกราคม และ 5 - 14 กรกฎาคม คุณมีความรับผิดชอบ ต่องานและรู้วิธีการจัดการกับคนที่คุณทำงานด้วย คุณมักเป็นคนเอาจริงเอาจัง มีจุดมุ่งหมายในชีวิตและเป็นนักสู้ ส่วนเรื่องความสัมพันธ์ คุณออกจะเป็นผู้หญิงที่เชื่อคนยากสักหน่อย แต่เมื่อคุณเจอตัวจริง คุณจะเชื่อใจเขาตลอดไป

สาวสีเหลือง เกิดวันที่ 12 - 23 มกราคม และ 15 - 25 กรกฎาคม เจอแล้วสาวหวานตัวจริงแถมไร้เดียงสาอีกต่างหาก ไว้ใจคนง่าย และมักจะเป็นผู้นำในกลุ่มเพื่อน คุณมักจะตัดสินใจอะไรเองได้เสมอ และมักจะเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องด้วยสิ และที่สำคัญคุณใฝ่ฝันที่จะพบรักที่สุดแสนจะโรแมนติก

สาวสีฟ้า เกิดวันที่ 4 - 8 กุมภาพันธ์ และ 5 - 13 สิงหาคมและ 1 - 14 พฤษภาคม คุณไม่ค่อยมั่นใจในตัวเองนัก อ่อนไหว และมีความเป็นศิลปินสูง และชอบที่จะรักคนอื่น เรียกได้ว่าเสพติดความรักที่เดียวแหละ มีบ่อย ๆ ที่คุณทำให้ความรักหลุดลอยไป เพราะคิดมักจะรักด้วยความรู้สึก

สาวสีน้ำตาล เกิดวันที่ 19 - 28 กุมภาพันธ์ และ 24 สิงหาคม - 2 กันยายน คุณนี่แหละเป็นผู้หญิง Hyper ของแท้ กระฉับกระเฉง และ Active ตลอดเวลา และคุณเป็นเพื่อนกับคนยาก แต่เป็นแฟนกับคนง่าย ไม่ ใช่ ใจง่าย แต่คุณชอบที่จะรักคนอื่นมากกว่า แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่คุณรู้สึกผิดหวังกับอะไร คุณก็ยินดีจะหันหลังให้กับมันและยิ้มกับชีวิตตัวเองอย่างรวดเร็ว

สาวสีเขียว เกิดวันที่ 9 - 18 กุมภาพันธ์ และ 14 - 23 สิงหาคม คุณคือผู้หญิงที่ปรับตัวเข้ากับสิ่งใหม่ ๆ ได้ดี บางครั้งคุณเป็นคนเงียบขรึม แต่ก็พูดตรงจนบางทีทำร้ายความรู้สึกคนอื่นเพราะคำพูดของคุณ คุณชอบที่จะเป็นที่รัก ดังนั้น บ่อย ๆ ที่คุณจะคิดค้นวิธีน่ารัก ๆ เรียกร้องความสนใจจากคู่รักของคุณ แต่โดยส่วนใหญ่ คุณมักจะใช้ชีวิตโสด และคุณเป็นคนหนึ่งที่เชื่อเรื่องเนื้อคู่เอามาก ๆ ถ้าคุณแต่งงานคุณจะใช้ชีวิตเรียบง่ายและรักเดียวใจเดียว

สาวสีน้ำทะเล เกิดวันที่ 1 - 10 มีนาคม และ 3 - 12 กันยายน สาวน้ำทะเลนี่แหละ สาวเจ้าอารมณ์ คุณจะเป็นคนอารมณ์แปรปรวน ทุก ๆ 3 นาที รักการท่องเที่ยวและเป็นคนขี้เหงาเอามาก ๆ คุณเป็นคนซื่อสัตย์ แต่ก็เชื่อคนง่าย เป็นคนที่ค่อนข้างจะผิดหวังในเรื่องความรักเอามาก ๆ และมักเสียความรักไปอย่างง่าย ๆ

สาวสีเขียวมะนาว เกิดวันที่ 11 - 20 มีนาคม และ 13 - 22 กันยายน คุณคือภูเขาไฟย่อย ๆ เลยล่ะ เพราะเมื่อคุณเฉย คุณจะเป็นผู้หญิงเงียบ ๆ แต่ถ้าโมโหก็เอาไม่อยู่เหมือนกันออกจะขี้หึงนิด ๆ และขี้บ่นหน่อย ๆ คุณไม่ใช่คนที่ยึดติดกับอะไร แต่คุณมีบุคลิกพิเศษที่ทำให้ผู้คนมักจะเชื่อถือ คุณ และเป็นที่นิยมชมชอบเสมอ

สาวสีดำ เกิดวันที่ 21 มีนาคม คุณคือผู้หญิงที่ชอบความท้าทาย ชนิดน่าหวาดเสียวทีเดียว แต่ภายในใจลึก ๆ คุณไม่ค่อยชอบความเปลี่ยนแปลงเท่าไหร่ ถ้าคุณตัดสินใจดำเนินชีวิตอย่างไร คุณก็จะใช้ชีวิตอย่างนั้นเป็นเวลานานกว่าจะเปลี่ยน ชีวิตรักของคุณจะมีเรื่องน่าตื่นเต้นและมีอะไรแปลก ๆ ประเภท Surprise อยู่เสมอ สาว

สีเขียวมะกอก เกิดวันที่ 23 กันยายน สาวแสนอบอุ่นตัวจริง แต่บางครั้งคุณก็เป็นคนใจอ่อนเกินไป มักจะโอนอ่อนผ่อนตามครอบครัวหรือเพื่อน ๆ เสมอ อย่างไรก็ตาม คุณเป็นผู้หญิงที่รู้จักตัวเอง รู้จักอะไรผิดอะไรถูก จิตใจดี ร่าเริง แจ่มใส และไม่ใช่คนขี้อิจฉาแน่นอน

สาวสีม่วง เกิดวันที่ 22 - 31 มีนาคม และ 24 กันยายน - 3 ตุลาคม คุณนี่แหละแม่สาวเจ้าอารมณ์ แต่เพราะความเจ้าอารมณ์นี่เองที่ทำให้คุณเป็นคนน่าค้นหา เสแสร้งไม่เป็น คุณมักจะเป็นสาวเจ้าเสน่ห์ประจำกลุ่ม แต่ก็มีบ่อย ๆ ที่คุณครองตำแหน่งสาวเอ๋อประจำกลุ่มด้วยเหมือนกัน เพราะคุณมักทำเปิ่น ๆ เสมอ ขี้ลืมในบางครั้ง ผู้ชายในฝันของคุณจะต้องเป็นคนที่ดูแล้วน่าเชื่อถือ

สาวสีเงิน เกิดวันที่ 11 - 20 เมษายน และ 14 - 23 ตุลาคม คุณนี่แหละสาวจินตนาการสูง ขี้อาย แต่ก็ชอบหาสิ่งแปลกใหม่ให้ชีวิต คุณชอบทำอะไรที่ท้าทายความสามารถ เป็นคนเรียนรู้เร็ว ชอบอะไรที่ได้มายาก ๆ ความรักของคุณมักจะมีเรื่องยาก ๆ ให้แก้ และสับสนตลอดเวลา

สาวสีเขียว ทหารเกิดวันที่ 1 - 10 เมษายน และ 4 - 13 ตุลาคม คุณคือผู้หญิงที่น่าสนใจและรักการใช้ชีวิตของตัวเอง อารมณ์อ่อนไหว และมักรู้สึกกับทุกสิ่งที่เข้ามากระทบรอบ ๆ ตัว ดังนั้น จึงเป็นเรื่องง่ายที่อะไรใกล้ ๆ ตัว มักทำลายสมาธิคุณเสมอ แต่คุณก็น่ากลัวใช่ย่อยเหมือนกัน เพราะเมื่อคุณโกรธใคร จะไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่คุณจะยกโทษให้เขาคนนั้น

สาวสีขาว เกิดวันที่ 21 - 30 เมษายน และ 24 ตุลาคม - 11 พฤศจิกายน คุณมีฝันและเป้าหมายแน่นอนให้ชีวิต บางครั้งคุณเป็นคนขี้อิจฉา และไม่ยอมทำอะไรซ้ำเดิม หรือเรียกว่าใจแข็งก็ว่าได้ คุณเป็นคนที่มีความแตกต่างในตัวเองสูง และมักตั้งความหวังไว้กับคนรอบข้างสูงเช่นกัน

สาวสีครีม เกิดวันที่ 25 พฤษภาคม - 3 มิถุนายน และ 22 พฤศจิกายน - 1 ธันวาคม คุณมักจะเป็นผู้หญิงนักสู้ในหมู่เพื่อนๆ ชอบการแข่งขันการเอาชนะ มีความทะเยอทะยาน น่าเชื่อถือ ตกหลุมรักยากมาก เพราะคุณเป็นคนเชื่อเรื่องรักแท้

สวรรค์บนดิน ณ เกาะราชา ภูเก็ต




สมกับฉายา "ไข่มุกอันดามัน" จริง ๆ สำหรับ จังหวัดภูเก็ต เพราะไม่ว่าจะหันไปทางไหนก็แฝงไปด้วยมนต์เสน่ห์น่าค้นหาไปแทบทุกพื้นที่ ด้วยวิถีชีวิตแบบดั่งเดิม บวกกับวัฒนธรรมตะวันตกที่แทรกซึมเข้ามาผสมผสาน จนกลายเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันได้อย่างน่าลงตัว แต่ถ้าไปถึง "ภูเก็ต" แล้ว ต้องหาีโอกาสไปเยือน "เกาะราชา" เกาะที่ใคร ๆ ต่างก็ขนานนามให้ว่าเป็น...สวรรค์บนดินของคนรักทะเลสักครั้ง เพราะนอกจากสีครามของน้ำทะเล ที่ตัดกับความสดใสของท้องฟ้า ความขาวละมุนของเม็ดทราย "เกาะราชา" ยังมีอะไรดี ๆ ให้นักท่องเที่ยวเดินทางไปสัมผัสอีกเพียบ ว่าแล้วก็อย่ารอช้า เพราะเราจะพาเพื่อน ๆ ไปเปิดหูเหิดตา รับทัศนียภาพที่สวยงามของ "เกาะราชา" กัน...







เกาะราชา หรือหลาย ๆ คนเรียกติดปากว่า เกาะรายา อยู่ทางทิศใต้ของจังหวัดภูเก็ต ห่างกันประมาณ 15 กิโลเมตร ยังมีความเป็นธรรมชาติอยู่มาก เำพราะโดยส่วนใหญ่นักท่องเที่ยวนิยมแวะไปจอดเรือบริเวณรอบ ๆ เพื่อดำน้ำดูปะการังเท่านั้น จึงทำให้ธรรมชาติบนเกาะยังคงสวยงาม อุดมไปด้วยความสมบูรณ์ของป่าไม้และหาดทรายเม็ดละเอียดสี ขาวบริสุทธิ์ โดย เกาะราชา ประกอบด้วย เกาะราชาใหญ่ และ เกาะราชาน้อย ซึ่ง เกาะราชาใหญ่ เป็นเกาะที่มีหาดทรายขาวสะอาด สวยงาม มีหาดสำหรับเล่นน้ำทะเลอยู่หลายหาด สำหรับนักท่องเที่ยวที่รักการดำน้ำ เกาะราชาใหญ่ ก็มีแนวปะการังน้ำตื้นให้แวกว่ายดำดิ่งดื่มด่ำความงามของโลกใต้ทะเล บรรยากาศเงียบสงบเป็นธรรมชาติ เช่น อ่าวน้ำตาตก หรือ อ่าวบังกะโล ที่มีทรายขาวละเอียด น้ำทะเลใสแจ๋ว นักท่องเที่ยวนิยมเล่นน้ำที่บริเวณนี้ เพราะเป็นชายหาดที่มีน้ำตื้น

แต่หากใครต้องการชมทิวทัศน์มุมสูงของเกาะ ต้องไปบริเวณปลายสุดของหาดตะวันตก เพราะต้องนั้นมีจุดชมวิวสามารถมองเห็นทัศนียภาพของเกาะใต้ทั้งหมด นอกจากนี้ ยังมี อ่าวทือ อ่าวสยาม และ อ่าวขอนแค โดยเฉพาะ อ่านขอนแค ซึ่งเป็นจุดดำน้ำตื้น นักท่องเที่ยวสามารถมาดำน้ำในระดับผิวน้ำ โดยสวมแค่ Snorkel แนวปะการังบริเวณนี้ถือว่าเป็นที่สมบูรณ์อีกจุดหนึ่ง จะพบมีปะการังเขากวาง ประการังอ่อน ปะการังสมอง กังปังหา ปะการังจาน ปะการังเขากวาง ปะการังกิ่ง ปะการังพุ่ม และมีสัตว์น้ำที่พบทั่วไปในทะเลอันดามันให้ชม

ส่วน เกาะราชาน้อย อยู่ห่างจาก เกาะราชาใหญ่ 11 กิโลเมตร เป็นเกาะที่เกิดขึ้นจากการทับถมของเศษหิน ปะการังยาวนายหลายร้อยล้านปี จนเกิดเป็น เกาะราชาน้อย ขึ้น แต่ เกาะราชาน้อย มีโขดหินมากกว่าหาดทราย จึง
ไม่เหมาะกับการเล่นน้ำทะเล แต่มีแหล่งตกปลาที่ขึ้นชื่อ เพราะเป็นแหล่งที่มีแนวปะการังน้ำลึก มีปลาอยู่ชุกชุม ส่วน ทางด้านตะวันตกของ เกาะราชาน้อย จะมีอ่าวเล็ก ๆ สำหรับจอดเรือ น้ำทะเลใสสีเขียวมรกต แต่มีแหล่งตกปลาที่ขึ้นชื่อ เพราะเป็นแหล่งที่มีแนวปะการังน้ำลึก มีปลาอยู่ชุกชุม และเป็นแหล่งดำน้ำลึกแบบ Scuba diving


I LOVE THAILAND