วันพฤหัสบดีที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

เกาะตาชัย มนต์เสน่ห์ทะเลใต้










ถ้าเอ่ยชื่อ "พังงา" ภาพแสงแดด สายลม ทะเลสีใส หาดทรายขาวละเอียดของ หมู่เกาะสิมิลัน, หมู่เกาะสุรินทร์ และอุทยานแห่งชาติอ่าวพังงา ฯลฯ คงปรากฎอยู่ในความทรงจำของใครหลาย ๆ คน แต่วันนี้กระปุกดอทคอมจะพาเพื่อน ๆ ออกไปโลดแล่น สัมผัสความงามของท้องทะเลและธรรมชาติ ที่ผสมผสานกันได้อย่างลงตัว อีกทั้งยังเป็นสถานที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่ ที่กำลังขึ้นทำเนียบสถานที่ท่องเที่ยวในประเทศไทยสุดฮอต นั่นคือ "เกาะตาชัย" เกาะบริวารแห่งใหม่ของ อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน ... ถ้าพร้อมแล้วก็ไปเที่ยวกันเลย



เกาะตาชัย ตั้งอยู่ทางตอนเหนือสุดของ อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน และอยู่ไม่ไกลจาก หมู่เกาะสุรินทร์ มากนัก และถูกพบครั้งแรกโดยชายที่ชื่อ ตาชัย ทำให้ตั้งชื่อเกาะตามคนค้นพบว่า เกาะตาชัย
เกาะตาชัย ถูกสำรวจพบมานานแล้ว แต่เพิ่งจะขึ้นตรงกับ อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน และเปิดให้นักท่องเที่ยวได้ไปยลโฉมความงามได้ไม่นาน ทำให้ตอนนี้บน เกาะตาชัย ยังไม่มีบ้านพักไว้คอยบริการ แต่ทางอุทยานฯ อนุญาตให้กางเต้นท์พักค้างคืนได้ มีห้องน้ำแยกชายหญิงเป็นสัดส่วน โดยสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน ซึ่งช่วงเวลาที่ เกาะตาชัย งดงามที่สุดคือเดือนกุมภาพันธ์ – เมษายน จากนั้น เกาะตาชัย จะปิด 6 เดือน เพื่อให้ธรรมชาติได้ฟื้นฟู



สำหรับจุดเด่นที่ทำให้ เกาะตาชัย กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ใคร ๆ ก็อยากเดินทางไปชื่นชม คือ ชายหาดทรายขาวเม็ดละเอียด เนื้อนุ่ม ที่มีความยาวทอดตัวขนานไปกับผืนน้ำประมาณ 700 เมตร และการเดินป่าเข้าไปดู ปูไก่ ปูน้ำจืดที่ชอบอาศัยอยู่ตามธารน้ำ มีลำตัวสีแดงสด มีก้ามสีดำเหลือบน้ำเงิน เวลาร้องจะมีเสียงคล้ายไก่ ชอบออกหากินในช่วงกลางคืน รวมถึงเป็นจุดดำน้ำดูปะการังที่ทอดตัวยาวขนานกับชายหาด ที่สวยงามอีกแห่งหนึ่งของเมืองไทย
ทั้งนี้ นักท่องเที่ยวที่ไม่อยากค้างคืน สามารถซื้อแพ็คเกจแบบเช้าไปเย็นกลับ (One Day Trip) ได้ที่ ท่าเรือคุระบุรี อำเภอคุระบุรี จังหวัดพังงา และที่ ท่าเรือทับละมุ อำเภอท้ายเหมือง จังหวัดพังงา



การเดินทาง
ท่าเรือทับละมุ อำเภอท้ายเหมือง อยู่ห่างจากอำเภอเมือง 70 กิโลเมตร ตามเส้นทางสายพังงา-ตะกั่วป่า และเป็นท่าเรือที่อยู่ใกล้อุทยานหมู่เกาะสิมิลันมากที่สุด ซึ่งจากท่าเรือทับละมุใช้เวลาในการเดินทางไป เกาะตาชัย ประมาณ 3-4 ชั่วโมง สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน 93 หมู่ 5 บ้านทับละมุ ตำบลลำแก่น อำเภอท้ายเหมือง จังหวัดพังงา 82210 โทรศัพท์ 0 7642 1365 สำนักงานบนฝั่ง โทรศัพท์ 0 7659 5045


ทายนิสัยจากนิ้วก้อยของคุณ

วิธีการดู หันฝ่ามือเข้าหาตัวเอง โดยผู้หญิงให้ดูมือซ้าย ส่วนผู้ชายให้ดูมือขวา แล้วขีดเส้นแบ่งข้อต่อแต่ละข้อบนนิ้วก้อย จะได้ทั้งหมด 3 ข้อ ตามรูปประกอบ

ส่วนที่ยาวที่สุด คือส่วนที่บอกถึงจุดเด่นในตัวคุณ
ข้อบนสุดยาวที่สุด คุณเป็นคนมีพรสวรรค์ในการพูดจาดึงดูดคน เป็นคนพูดจาฉะฉานชัดเจนทั้งในน้ำเสียงและกิริยาท่าทาง เป็นคนช่างสังเกตและรอบคอบ


ข้อกลางยาวที่สุด คุณเป็นคนที่ให้ความใส่ใจต่อผู้อื่นและมีความอดทนเป็นเลิศ ลักษณะความยาวของข้อกลางนี้ ส่วนมากพบในบุคคลที่ อยู่ในวงการแพทย์เป็รส่วนใหญ่


ข้อล่างยาวที่สุด คุณเป็นคนรักอิสระอย่างมากไม่ชอบถูกควบคุมโดยใคร เป็นคนพูดจาเปิดเผย ตรงไปตรงมา ฝีปากกล้าคมคาย ยึดมั่นในความีเหตุมีผลและจะเก่งในเรื่องการโต้เถียง หรือการโต้แย้งใดๆ ส่วนที่สั้นที่สุด คือ ส่วนที่บอกจุดด้อยในตัวคุณ


ข้อบนสั้นที่สุด คุณเป็นคนไม่กล้าแสดงออกอย่างมาก เป็นคนขี้อายจนถึงขนาดตัวคุณเองที่ยากจะเข้าใจในตัวเอง นอกจากนี้คุณยังเป็นคนที่ไม่มีมนุษยสัมพันธ์กับคนอื่นอีกด้วย


ข้อกลางสั้นที่สุด คุณเป็นคนซื่อสัตย์ ยุติธรรมแน่วแน่มั่นคง อาจจะเรียกได้ว่าถึงขั้นไม่มีความประนีประนอม จนดูเหมือนความที่เป้นคนตรง กลายเป็นข้อด้อยของคุณไปเลย


ข้อล่างสั้นที่สุด คุณเป็นคนซื่อๆง่ายๆ ไม่มีเล่ห์เหลื่ยมมารยา เชื่อคนง่ายจนกระทั่งอาจจะถูกหลอกหรือถูกโกงได้ง่าย ด้วยความไร้เดียงสาของคุณ

ขอบคุณเนื้อหาจาก FW Mail

DNA คืออะไร


ในการชันสูตรพลิกศพ หรือในการใช้หลักนิติวิทยาศาสตร์เพื่อพิสูจน์เอกลักษณ์บุคคลนั้น เราจะได้ยินคำว่า DNA บ่อยๆ ทำให้เกิดความสงสัยว่า DNA คือคำตอบสุดท้ายของการไขปริศนาในคดีต่างๆ ใช่หรือไม่
ดร।นำชัย ชีววิรรธน์ ศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ อธิบายว่า ถ้าจะถามว่า DNA คืออะไร คำตอบที่ง่ายที่สุดก็คือสารชนิดหนึ่งที่พบในสิ่งมีชีวิต DNA มีความสำคัญคือการที่พบ DNA ในสิ่งมีชีวิตทำให้สามารถตรวจสอบและบอกอะไรหลายๆ อย่างได้ เนื่องจาก DNA จะมีลักษณะเฉพาะของสิ่งมีชีวิตนั้นๆ ซึ่งในสิ่งมีชีวิตต่างๆ โครงสร้างของ DNA จะเหมือนกัน แต่แตกต่างกันที่การจัดเรียงลำดับ เพราะฉะนั้นถ้าสามารถนำ DNA ของสิ่งมีชีวิตที่แตกต่างกันมาเปรียบเทียบก็จะทำให้สามารถบอกได้ว่าเป็นสิ่งมีชีวิตชนิดใด เช่น ถ้านำ DNA ของมนุษย์และยุงมาทดสอบเปรียบเทียบกัน ก็สามารถตรวจได้ว่า DNA ใดเป็น DNA ของมนุษย์และ DNA ใดเป็น DNA ของยุง เนื่องจาก DNA ของมนุษย์และยุงมีส่วนที่แตกต่างกันอยู่เยอะมาก

ในทำนองเดียวกัน ถ้านำ DNA ของคน 2 คนมาเปรียบเทียบกัน ผลที่ได้คือ DNA จะคล้ายกันมาก หมายถึงลำดับการเรียงลำดับของ DNA แต่ DNA ก็มีส่วนที่แตกต่างกัน ซึ่งส่วนที่แตกต่างกันนี้เองทำให้สามารถแยกคนแต่ละคนออกจากกันได้ ถ้าเราสามารถหา DNA มาได้ ซึ่ง DNA จะอยู่ในเซลล์ ถ้าได้เซลล์ก็จะหา DNA ได้ เช่น ในน้ำลายจะมีเซลล์จากเยื่อบุกกระพุ้งแก้ม การตรวจสอบเชิงพันธุกรรมในต่างประเทศจะใช้แค่คัตเทิ้ลป้ายตรงกระพุ้งแก้มด้านในเท่านั้น ในอดีตการตรวจหา DNA ทำได้ยากมาก เพราะถ้ามี DNA ในปริมาณน้อยไปก็จะไม่สามารถตรวจสอบได้จนกระทั้งประมาณปี พ।ศ. 2525-2526 มีการคิดค้นวิธีเพิ่มจำนวน DNA ขึ้น ซึ่งสามารถนำประยุกต์ใช้ในทุกสาขาวิชา เช่น สาขาวิชาด้านชีวภาพ และนำมาใช้ในหลักนิติวิทยาศาสตร์เพื่อตรวจสอบหาคนร้าย นอกจากนั้นยังใช้พิสูจน์เพื่อหาความสัมพันธ์ทางสายเลือด หรือแม้กระทั่งใช้ตรวจสอบหาบรรพบุรุษของมนุษย์ เป็นต้น

TIPSสิ่งมีชีวิตแทบทุกชนืดบนโลกต่างมี DNA เป็นสารรหัสพันธุกรรมยกเว้นก็แต่เพียงไวรัสบางชนิดเท่านั้น ที่ใช้ RNA แทน DNA เป็นสารรหัสพันธุกรรม ซึ่งคล้ายกับ DNA มากเลยทีเดียว เพียงแต่ RNA จะมีจำนวนอะตอมออกซิเจน มากกว่า DNA อยู่ 1 อะตอม ทุกๆ หน่วยย่อยทางพันธุกรรมและมีอยู่เพียงสายเดียว แทนที่จะเป็นสายคู่เหมือน DNAขอขอบคุณข้อมูลจาก : วิทยาศาสตร์รอบตัว(จาก สสวท.)

ประโยชน์ดีๆ ของดาร์คช็อคโกแลต


ข่าวดีสำหรับคนรักช็อคโกแลต เมื่อ Hershey's พบว่าช็อคโกแลตมีสารต้านอนุมูลอิสระมากกว่าน้ำผลไม้
นักวิจัยจาก Hershey Center for Health & Nutrition ได้เปรียบเทียบสารอาหารและโภชนาการในดาร์คช็อคโกแลตกับน้ำผลไม้ พบว่าในดาร์คช๊อคโกแลตนั้นมีสารต้านอนุมูลอิสระหรือ antioxidant ในปริมาณที่มากกว่า โดยผลิตภัณฑ์จากโกโก้นั้นมีระดับของสารต้านอนุมูลอิสระที่เอาชนะผลไม้ดีๆอย่างบลูเบอร์รี่หรือแครนเบอร์รี่ได้ ถึงขนาดที่ยกให้เมล็ดโกโก้นั้นเป็น "super fruit" และให้ผลิตภัณฑ์ที่ทำจากโกโก้เป็น "super foods" เลยทีเดียว
สารต้านอนุมูลอิสระ ฟลาวานอยส์ (Flavanols) ที่มีอยู่มากมายในเมล็ดโกโก้นั้น จะออกฤทธิ์เพิ่มเอ็นไซม์เพื่อไปทำปฏิกิริยากับไนตริกออกไซด์ (Nitric Oxide) ในหลอดเลือด เป็นผลทำให้หลอดเลือดขยายตัวมากขึ้น หัวใจจึงไม่ต้องออกแรงมากในการสูบฉีดเลือดให้ผ่านชั้นไขมันที่เป็นตัวการร้ายขัดขวางการไหลเวียนภายในหลอดเลือด สามารถลดความเสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือดโรคหลอดเลือดสมองแตก โรคเบาหวานชนิดที่ 2 และโรคความดันโลหิตสูงได้
อย่างไรก็ตาม ประโยชน์ของดาร์คช็อคโกแลตนั้นก็ขึ้นอยู่กับปริมาณที่รับประทานเข้าไปด้วยเช่นกัน เพราะหากรับประทานมากไปคงจะเป็นโทษมากกว่าเป็นประโยชน์ ปริมาณที่เหมาะสมและพอเพียงต่อร่างกายใน 1 วันคือประมาณ 100 กรัมเท่านั้น

วันจันทร์ที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

ผักแต่ละสี ให้ประโยชน์อย่างไร?


ผักเป็นอาหารมากคุณค่า อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระนานาชนิด ช่วยปกป้องเราจากโรคร้ายต่างๆ ผักที่เรากินทุกวันนี้แบ่งได้ 5 กลุ่มใหญ่ๆ ตามเม็ดสี ซึ่งให้คุณประโยชน์แตกต่างกันไป เราควรจึงกินผักให้ได้หลากหลายสีในแต่ละวัน เพื่อให้ร่างกายได้รับคุณค่าสารอาหารเต็มที่
ผักสีแดง เช่น พริกแดง มะเขือเทศ เกิดจากเม็ดสีในกลุ่ม ไลโคฟีน ช่วยชะลอความเสื่อมของเซลล์ในร่างการ ลดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจและเส้นเลือดอุดตันในสมอง
ผักสีส้ม สีเหลือง มาจากเม็ดสีกลุ่ม แคโรทีนอยด์ วิตามินเอ วิตามินซี ช่วยบำรุงสายตาทำให้มองเห็นได้มีในตอนกลางคืน ป้องกันโรคต้อกระจก บำรุงหัวใจและหลอดเลือด ผักสีส้มและสีเหลือง เช่น ฟักทอง แครอท
ผักสีเขียว เช่น ผักใบเขียวต่างๆ มาจากกลุ่มเม็ดสีที่ชื่อว่า คลอโรฟิลล์ และสารประเภทอื่นๆ ซึ่งช่วยปกป้องดีเอ็มเอไม่ให้ถูกทำลายจนกลายเป็นเนื้อร้าย รักษาหลอดเลือดให้แข็งแรง ช่วยเพิ่มความสามารถในการทำงานของร่างกายและช่วยทำลายเชื้อจุลินทรีย์ที่ก่อผลเสียต่อสุขภาพบำรุงสมองและความจำ และบำรุงสุขภาพผู้สูงอายุ
ผักสีขาว สีน้ำตาลอ่อน มาจากเม็ดสีกลุ่ม แอนโทแซนทิน ผักในกลุ่มนี้เช่น กระเทียม หอมหัวใหญ่ เห็น เซเลอรี มีสรรพคุณช่วยลดความดันโลหิต ลดคอเลสเตอรอล ต่อต้านการเกิดเนื้องอก ป้องกันมะเร็ง โรคหัวใจ ต้านการติดเชื้อ ช่วยรักษาระดับน้ำตาลในเลือดและเสริมภูมิคุ้มกัน
ขอบคุณเนื้อหาจาก...MK Restaurant และขอบคุณภาพประกอบจาก...www.photos.com

ขนมปังทูน่ามอสเซอเรล่าชีส


ส่วนประกอบ
1.ขนมปังฝรั่งเศส 1 แท่ง2.ทูน่าในน้ำมัน 1 กระป๋อง3.มายองเนส 5 ช้อนโต๊ะ4.เกลือ ตามชอบ5.พริกไทย ตามชอบ6.เนยจืดสำหรับทาหน้าขนมปัง7.เนย มอสเซอรเรล่าขูด 1 ถ้วย
วิธีทำ
1.เตรียมขนมปังฝรั่งเศส นำมาหั่นเฉียงๆเป็นชิ้นๆพอคำ แล้วทาเนยเตรียมไว้
2.นำปลาทูน่าซึ่งแยกออกจากน้ำมันเรียบร้อยแล้วมายีให้เป็นฝอยๆแล้วจึงนำมายองเนสลงไปคลุกเคล้าให้เข้ากันปรุง รสด้วยเกลือและพริกไทยตามชอบ
จากนั้นนำเอาปลาทูน่าไปทาบนขนมปังฝรั่งเศสที่ทาเนยเตรียมไว้ แล้วโรยด้วยมอสเซอเรล่าชีสให้ทั่ว แล้วนำเข้าเตาอบ 200 องศา นาน 30 นาที

แสงแดดจัดทำให้เกิดต้อกระจกตาได้


แสงแดดที่ร้อนแรง นอกจากทำร้ายผิวแล้ว ยังมีผลต่อดวงตาของเราอีกด้วย ซึ่งหากไม่ได้การดูแล และปกป้องที่ดี อาจทำให้เกิดต้อกระจกตาได้
รังสียูวีในแสงแดดก็ เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้มีการเปลี่ยนแปลงระดับโมเลกุล ทำให้เลนส์แก้วตาเสียสภาพความใสไป กลายเป็นเลนส์ขุ่น มีผลทำให้การมองเห็นลดลง และหากใครที่สงสัยว่าจะเป็นโรคต้อกระจก ให้ลองสังเกตอาการผิดปกติ เช่น ตามัวลงช้า ๆ เหมือนมีฝ้าหรือหมอกบัง โดยไม่มีอาการปวดตา เห็นภาพซ้อน สายตาพร่า สู้แสงไม่ได้ เห็นดวงไฟแตกกระจายโดยเฉพาะในเวลากลางคืน และในบาง รายอาการระยะแรกของต้อกระจกคือจะมีสายตาสั้นมากขึ้นๆ ทำให้ต้องเปลี่ยนแว่นสายตาบ่อยๆ เมื่อต้อกระจกขุ่นมาก แว่นตาจะช่วยไม่ได้
อย่างไรก็ตามหากพบความ ผิดปกติดังกล่าวก็ควรรีบไปพบจักษุแพทย์เพื่อตรวจเช็คให้แน่ชัด และเพื่อเป็นการป้องกันก็ควรรับทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อดวงตา เช่น ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ ก็จะช่วยปกป้องดวงตาของคุณได้อีกทางหนึ่ง
ขอขอบคุณเนื้อหาจาก : womanstoryonline

คุณมีอาการอย่างนี้หรือเปล่า ปวดปัสสาวะบ่อยแม้จะมีน้ำปัสสาวะไม่เต็มกระเพาะปัสสาวะก็ตาม หรือต้องเข้าส้วมมากกว่า 20 ครั้งต่อวัน
ทั้งนี้ มีคนประมาณ 5-7 ล้านคนในประเทศเยอรมนีที่ต้องเก็บตัวไม่ไปไหนไกลๆ ตกตอนกลางคืนก็นอนหลับไม่สบาย เพราะต้องเข้าห้องน้ำทุกชั่วโมง ซึ่ง ดร.ไฮซ์ โคลบ์ จากคลินิกสตรีในมหาวิทยาลัยไมนซ์ได้อธิบายว่า ส่วนใหญ่เกิดจากจิตใจ จึงควรไปพบแพทย์ เพราะมียารักษาหรือควรฝึกพฤติกรรมต่างๆ อย่างเช่น การจดบันทึกและการฝึกเข้าห้องน้ำ โดยจดปริมาณน้ำที่ดื่มและความถึ่ในการเข้าห้องน้ำเพื่อจะได้เปลี่ยนแผนการดื่มน้ำ เช่น ดื่มในช่วงกลางคืนให้น้อยลงเพื่อจะได้ไม่ต้องเข้าส้วมบ่อย นอกจากนี้ ก็ควรควบคู่กับการฝึกเข้าห้องน้ำ โดยการเข้าให้น้อยลง โดยถ้าหากไม่ปวดก็ไม่ต้องเข้าและไม่เบ่ง ปล่อยให้ปัสสาวะเองตามธรรมชาติ
*ดื่มน้ำอย่างเหมาะสม จะได้ไม่เข้าห้องน้ำบ่อย

วาสลีน มีประโยชน์มากกว่านั้น

ซื้อรองเท้าใหม่ทีไรโดนกัดมากมายทุกทีโชคดีได้คำแนะนำจากเพื่อนมาว่า.. ให้ใช้วาสลีนช่วยสิก็งงว่า . . วาสลีนเนี่ยนะ ( *_* ) อืม.. แต่มันก็ช่วยได้จริงๆ นะทาๆ ลงไปด้านในรองเท้าตรงที่เป็นจุดเสี่ยง จะทำให้ไม่โดนกัดเลย (^0^)เยี่ยมจริงๆ เลยสนใจประโยชน์ด้านอื่นๆ ของวาสลีนเพิ่มขึ้นด้วย
ตามปกติแล้ว॥วาสลีนเป็นปิโตรเลียมเจลลี่ที่ใช้เพื่อความสวยงามข้างกระปุกเห็นเขียนไว้ว่า.."ทากันผื่นผ้าอ้อม เคลือบริมฝีปาก ถนอมจุดสัมผัสกร้าน"แต่ถ้าต้องการใช้แบบเอนกประสงค์มากกว่าที่เค้าเขียนไว้ลองประยุกต์กันตามนี้ได้เลย..

1.กำจัดเสียงดังจากประตูที่เอี๊ยดอ๊าดกวนใจเมื่อเปิดปิดเพราะขึ้นสนิมด้วยการทาวาสลีนลงไปที่บานพับรับรองเงียบ แล้วยังลดการเกิดสนิมใหม่อีกด้วย
2. กำจัดรอยด่างจากน้ำบนไม้ ด้วยการทาวาสลีนลงบนผ้าแล้วถูลงไปที่รอยด่างทิ้งไว้หนึ่งคืน แล้วเช็ดซ้ำในตอนเช้ารอยด่างจะหายไป
3. ช่วยให้ผิวนุ่มขึ้น ด้วยการผสมวาสลีนกับเกลือ แล้วนำมาใช้ขัดผิว
4. ลื่นปรื้ดๆ ด้วยการทาวาสลีนไปที่ล้อเลื่อนรถเข็น หรือล้อเสก็ตบอร์ดเด็กแนวหรือจะทาไปที่รางเลื่อนลิ้นชักก็..ลื่นปรื้ดได้เหมือนกัน
5. ขัดเงาเครื่องหนัง เช่น รองเท้าหรือกระเป๋า โดยทาบางให้ทั่วแล้วใช้ผ้านุ่มๆ เช็ดซ้ำ จะช่วยให้ดูดี และเป็นการถนอมเครื่องหนังอีกด้วย
6. กันคราบสกปรกฝังลึกติดมือ ด้วยการทาวาสลีนก่อนเริ่มทำงานที่ต้องมือเลอะมากๆเช่น ขุดดิน ล้างรถ เสร็จงานเช็ดมือด้วยผ้าหรือกระดาษ แล้วล้างมือตามปกติ
7. ทาแผล เพื่อป้องกันแผลจากความชื้น และแบคทีเรีย(ถ้าบังเอิญมีแผลที่เท้าในหน้าฝน วาสลีนน่าจะช่วยได้ดีนะเนี่ย)
8. ป้องกันการเกิดสนิม โดยทาที่น๊อต และสกรูก่อนใช้งาน
ทั้งหมดนี้ถ้านำไปใช้ได้ผลดีหรือไม่ อย่างไรก็มาเล่าสู่กันฟังบ้างนะคะ ( ^^ )
ที่มา : นิตยสาร Lisa
by TakoYaki
ภาพจาก : กล่องของขวัญ bloggang.com

วิธีปฏิบัติตัว เมื่อเริ่มคบกันใหม่ๆ


1. อย่าเพิ่งทำตัวเป็นเจ้าของ เพราะเรายังไม่แน่ใจว่า หนุ่มคนนั้นมีใจกับเราจริงรึเปล่า เพิ่งเริ่มค่ะ ใจเย็นๆ
2. อย่าโทรไปหาเค้าบ่อยๆ วางฟอร์มมั่งค่ะ ถ้าเค้าชอบเราจริง เค้าต้องติดต่อมาแน่นอนค่ะ
3.นิ่งๆไว้ค่ะ อย่าเพิ่งถาม อย่าเพิ่งสืบ ว่าเค้ามีเราคนเดียวจริงรึเปล่า เค้าแอบซ่อนใครไหม อย่าเพิ่งค่ะ ใจเย็นๆ เดี๋ยวเค้าจะกลัว หนีหายไปก่อนนะคะ
4.เมื่อเวลาแยกกัน อย่ามัวกังวล หาอะไรทำฆ่าเวลาค่ะ เช่น ดูหนัง ช้อปปิ้ง ไปเที่ยวกับเพื่อนบ้าง
5.พยายามทำตัวให้มีค่า ให้เค้าคิดว่าเราเป็นผู้หญิงที่ดี ควรคู่กับเค้า
6. พยายามให้เค้าไว้วางใจเรา เช่น ไม่โกหก ทำอะไรไม่มีหลบๆซ่อนๆ
7. อย่าลืม ใจเขาใจเรา เราไม่ชอบอะไร เค้าไม่ชอบอะไร พยายามสื่อสาร บอกกันตั้งแต่เนิ่นๆที่คบกันค่ะ
เป็นไงคะ ไม่อยากเลยใช่ไหม กับการเอาชนะใจหนุ่มๆสักคน ^-^

ขอขอบคุณข้อมูลจาก : sakid.com

คนกินหวาน ระวังสมองเฉื่อย ความต้านทานต่ำ


คงเป็นข่าวร้ายพอสมควร สำหรับบรรดา "ชมรมคนรักความหวาน" ที่ชื่นชอบ "น้ำตาล" เป็นชีวิตจิตใจ เพราะผลวิจัยทางการแพทย์สรุปออกมาแล้วว่า มีภัยอันตรายที่แฝงเร้นอยู่ภายใต้ความหวานนั้นมากมายทีเดียว

แต่ที่น่าตกใจไปกว่านั้นก็คือ เมื่อได้ตรวจสอบข้อมูลไปยังกระทรวงสาธารณสุขที่เฝ้าติดตามสถานการณ์เกี่ยวกับการบริโภคน้ำตาลของคนไทยทำให้พบว่า ในช่วง 2 ทศวรรษที่ผ่านมา อัตราการบริโภคน้ำตาลของคนไทยเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยเพิ่มเฉลี่ยจากคนละ 12 กิโลกรัมต่อปีในปี พ।ศ.2526 กลายเป็นคนละ 29 กิโลกรัมต่อปีในปี พ.ศ.2545 เรียกว่า เพิ่มขึ้นจากเดิมกว่า 2 เท่าตัว

ซ้ำร้ายดัชนีที่เกิดขึ้นยังเป็นแนวโน้มเดียวกันกับการบริโภคน้ำตาลในรูปแบบขนม ลูกอมและเครื่องดื่มประเภทต่างๆ ซึ่งปรากฏชัดเจนกับเด็กรุ่นใหม่ที่กระแสบริโภคถูกกระตุ้นโดยการโฆษณา

"จากข้อมูลทางโภชนาการและสุขภาพ เป็นที่ประจักษ์ชัดแล้วว่า การบริโภคน้ำตาลที่มากเกินควร นอกจากนำมาซึ่งปัญหาโรคอ้วนและโรคฟันผุแล้วการรับประทานน้ำตาลมากๆ มีอันตรายต่อสุขภาพหลายประการโดยน้ำตาลซูโครสหรือฟรุกโตส จะทำให้ระดับไขมัน กลูโคส อินซูลินและกรดยูริกในเลือดสูงขึ้น เป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญทำให้เกิดโรคหัวใจขาดเลือดและโรคเบาหวาน

"ผู้ที่ชอบกินหวานจัดบ่อยๆ จะทำให้ระบบความสมดุลของแร่ธาตุในร่างกายเสียไป ส่งผลต่อระบบภูมิคุ้มกันโรคในร่างกายลดต่ำลง ผลที่ตามมาก็คือทำให้ติดเชื้อง่าย นอกจากนี้ การเผาผลาญน้ำตาลในร่างกายบ่อยๆ ยังเป็นตัวเร่งให้เกิดอนุมูลอิสระ เมื่อบริโภคเป็นเวลานานจะก่อให้ระดับไขมันไตรกลีเซอไรด์ในเลือดสูง อีกทั้งการรับประทานน้ำตาลซูโครสมาก ทำให้กรดอะมิโนที่มีชื่อว่า ทริปโตฟาน ถูกเร่งเข้าสู่สมองมากเกินไป ทำให้เสียสมดุลของฮอร์โมนในสมอง ผลที่ตามมาก็คือทำให้เกิดอาการเซื่องซึม เหนื่อย ไม่กระฉับกระเฉง ซึ่งหากเป็นในเด็กจะทำให้เรียนไม่รู้เรื่องและหากเป็นวัยทำงานก็จะทำงานไม่มีประสิทธิภาพ" นายแพทย์วัลลภ ไทยเหนือ ปลัดกระทรวงสาธารณสุขให้ข้อมูลถึงอันตรายจากการบริโภคน้ำตาล เมื่อติดตามพิษร้ายที่เกิดจากความหวานต่อไป ก็ทำให้ได้ข้อมูลอีกด้วยว่า การรับประทานอาหารรสหวานมากไป จะทำให้เด็กอิ่มและตัดโอกาสที่เด็กจะได้รับสารอาหารอื่นๆ ที่จำเป็นต่อร่างกาย

ผลการศึกษาในปี พ।ศ.2546 พบว่าเด็กกลุ่มอายุ 6-15 ปี ได้รับอาหารที่ให้พลังงานมากถึง 23 % สูงกว่ามาตรฐานที่กำหนดไว้ที่ 10 % กว่าเท่าตัว ตรงนี้บ่งชี้ว่า สถานการณ์การกินหวานในเด็กไทย อยู่ในขั้นที่ควรร่วมกันแก้ไขโดยด่วน

"ในความเป็นจริงนั้น การติดหวานสามารถถูกสร้างขึ้นตั้งแต่วัยเริ่มต้นของชีวิต โดยพ่อแม่และผู้ใหญ่เป็นกลุ่มแรกที่สร้างภาวะให้เด็กติดหวาน เนื่องจากบริโภคนิสัยของเด็กจะถูกสร้างขึ้นตั้งแต่ช่วงขวบปีแรก เริ่มจากนมและอาหารเสริมที่ป้อนให้ เมื่อเด็กโตขึ้นเด็กจะติดอาหารหวานและจะเพิ่มปริมาณความหวานมากขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากคนที่เคยชินรสหวาน เมื่อได้รสหวานสมองจะหลั่งสารชนิดหนึ่งเรียกว่าโอปิออยด์( Opioid) ออกมาทำให้เกิดความพอใจ และอยากกินหวาน ทำให้อ้วนได้เร็ว

"ดังนั้น นี้ กระทรวงสาธารณสุขจะเร่งรณรงค์ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมประชาชนในเรื่องนี้อย่างจริงจังโดยเริ่มจากส่งเสริมให้เด็กกินนมแม่แทนนมขวด พร้อมทั้งจะมีการประกวดโรงพยาบาลปลอดนมขวดทั่วประเทศ ส่งเสริมให้เด็กกินนมรสจืด แทนนมรสหวานหรือนมปรุงรส ส่งเสริมให้เด็กกินผลไม้ที่รสไม่หวานแทนการกินขนมหวาน และรณรงค์ให้งดการเติมน้ำตาลในก๋วยเตี๋ยว อีกทั้งให้งดการดื่มน้ำอัดลมและอมท๊อฟฟี่ด้วย" ปลัดกระทรวงสาธารณสุขสรุปแผนการรณรงค์เพื่อให้เด็กไทยรอดพ้นจากการบริโภคความหวานมากเกินไปทิ้งท้าย

ภาพประกอบจาก : Photos.com

วันจันทร์ที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

10 สุดยอดรถแพงปี 2011 ...ที่เศรษฐียังร้องจ๊าก!!

การจัดอันดับรถแพงนั้น แน่นอนว่า มันจะต้องเป็นศูนย์รวมของรถสปอร์ตหรือรถหรูมูลค่าหลายล้านบาท ที่คนอย่างเราๆ ท่านๆ อาจจะไม่มีวันได้สัมผัส ทว่า รถทั้ง 10 คัน ที่ถูกหวยสักครั้งต้องไปซื้อนั้น มีอะไรบ้างวันนี้เราจะพาทุกท่านไปชมกัน

อันดับที่ 10 SC Ultimate Aero
เจ้าสถิติความเร็วตัวยง 412 กิโลเมตรที่ถูกบันทึกไว้ได้โดย กินเนสบุ๊คนั้น คงไม่ใช่รถที่ใครจะสัมผัสได้ง่ายๆ เพราะมันมีค่าตัวถึง 740,000 ดอลล่าร์ นี่ยังไม่นับค่าดูแลรักษาที่ต้องการเป็นพิเศษ และแม้มันจะเริ่มแก่ไปนิด แต่ความเก๋าของมันนั้น ยังมีอยู่กับสถิตเจ้าความเร็วที่เพิ่งโดน Bugati Veyron Super Sport ลบไปในปีนี้

อันดับที่ 9 Leblanc Mirabeau

ค่ายผู้ผลิตรถยนต์จากประเทศสวิสเซอร์แลนด์ ตามเข้ามาในอันดับนี้ กับรถที่เป็นสปอร์ตดิบๆ แต่ราคาแพงเหลือร้ายกว่า 765,000 ดอลล่าร์ Leblanc Mirabeau นั้นเป็นรถสปอร์ตโรดสเตอร์เปิดหน้าต่างไร้กระจก ให้ความดิบดุดัน ด้วยเครื่องวางกลางขับหลัง ตามสไตล์การแข่งขันรถ Le-mans ซึ่งรถรุ่นนี้พกแรงม้ามากว่า 700 ตัว ทางด้านหลังคุณ รับรองไม่มีวันไปทำงานสายๆแน่ๆ

อันดับที่ 8 Koenigsegg CCX

ขยับกันขึ้นมาอีกนิดสำหรับรถสปอร์ตมูลค่า 7 หลัก กับ Koenigsegg CCX ที่มีมูลค่ากว่า 1.1 ล้าน ดอลล่าร์ ค่าตัวที่แพงแลกกับอัตตราเร่ง 0-100 กม/ชม ในเวลาเพียง 3.2 วินาที และ ใน 9.8 วินาที มันก็สามารถพาคุณถึงความเร็วที่ 200 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ความเร็วสูงสุดของรถรุ่นนี้มีรายงานว่าสามารถทะลุเพดานได้กว่า 400 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แต่ยังไม่มีการยืนยันเรื่องดังกล่าวอย่างเป็นทางการ

อันดับที่ 7 Koenigsegg CCXR

ค่าตัว 1.3 ล้านดอลล่าร์ กับเวอร์ชั่นเพิ่มความแรงของ Koenigsegg CCX นั้นถือเป็นอะไรที่น่าสนใจอย่างมาก สำหรับเศรษฐี โดยเฉพาะเมื่อเครื่องยนต์ V8 พร้อม Supercharger สามารถทำแรงม้าได้กว่า 806 เมื่อคุณเลือกใช้ ออกเทน 98 แต่ที่น่าสนใจคือรถรุ่นนี้รองรับการใช้งานของ E85 และ E 100 ซึ่งเมื่อได้รับน้ำมันดังกล่าวนั้น มันจะมีพละกำลังกว่า 1,018 แรงม้า เลยทีเดียว


อันดับที่ 6 Maybach Landaulet

Maybach Landaulet ที่มาพร้อมค่าตัว 1.4 ล้านดอลล่าร์นั้น มันอาจจะไม่ใช่ รถสปอร์ตพันธุ์แรงมากมายเหมือนที่ผ่านมาแต่น่าสนใจด้วยความหรูหราและแน่นนอนขุมพลัง V12 พร้อมแรงม้า 612 แรงม้านั้น อาจมองไม่คุ้มค่ากับที่จะจ่าย แต่ถ้าคุณรู้ว่ารถรุ่นนี้หรูเพียงใด คงอาจจะไม่ปฏิเสธที่จะอยากได้มัน

อันดับที่ 5 Lamborghini Reventon

เจ้ากระทิงดุ ชื่อแปลกๆ ผลิตออกมาจำหน่ายเพียง 20 คัน พร้อมค่าตัวสุดแพงกว่า 1.42 ล้านดอลล่าร์นั้น เป็นอะไรที่หลายคนคงชอบ และแน่นอน ค่าตัวที่แสนแพงมาพร้อมความแรงจากเครื่องยนต์ V12 ที่ทะยานได้ว่องไว และคล่องตัวในทุกสมรรถนะการขับขี่กับ ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ

อันดับที่ 4 Lamborghini Reventon Roadster

เจ้ากระทิงดุพันธ์แรงเวอร์ชั่นโรดสเตอร์นั้น ตามมาติดๆ และมันขึ้นนำในเรื่องความแพงกว่าเวอร์ชั่นธรรมดา สูงถึง 1.56 ล้านดอลล่าร์ และทุกอย่างมีความสวยงามมากกว่าเดิม จนน่าหามาใช้สักคัน

อันดับที่ 3 Roadster Pagani Zonda Cinque

อีกหนึ่งสปอร์ตพันธุ์แรงแดนมักกะโรนี ที่แพงและความแรงที่ไม่เป็นสองรองใครอยู่แล้ว ค่าตัวกว่า 1.8 ล้านดอลล่าร์ของ Roadster Pagani Zonda Cinque ความแพงที่สุดแสนจะบรรยายนี้มาจากเครื่องยนต์ V12 ที่บรรจุเอาไว้ในรถให้แรงม้าเพียง 678 แรงม้า แต่มีความแรงในระดับ 0- 100 กม/ชม ในเวลาเพียง 3. 4 วินาที และความเร็วปลายให้คุณได้สะใจกว่า 349 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

อันดับที่ 2 Bugatti Veyron Grand Sport

เจ้าVeyron ยังคงแพงเหมือนเคยและครองตำแหน่งในอันดับ 2 ในปีนี้กับค่าตัวระดับ 2 ล้านดอลล่าร์ ที่ไม่ใช่จะเป็นเจ้าของกันง่ายๆเสียด้วย เรื่องสมรรถนะความแรงระดับเจ้าสถิติโลกความเร็วปัจจุบันนั้น คงไม่ต้องพูดถึง แต่ถ้าคุณซื้อเวย์รอนมาขี่ แน่นอนคุณต้องชอบความเร้วและทันสมัย บวกกับความหรูหราของมัน

อันดับที่ 1 Koenigsegg Trevita
แพงที่สุดและหาตัวจับยากที่สุดกับค่าตัว 2.21 ล้านดอลล่าร์ ถือว่าไม่ใช่อะไรที่แพงถ้าคุณกำลังมองหารถหายากที่สุดรุ่นหนึ่งบนถนนกับเจ้า Koenigsegg Trevita ที่เป็นรุ่นพิเศษกว่าเดิม 1,018 แรงม้า จากรุ่นปกติคงเป็นอะไรที่ไม่สามารถพบได้บ่อยนักจากเครื่องยนต์ V8 และแน่นอน มันพิเศษจริงๆ





เพิ่มรูปภาพ

เลขวันเกิดกับเทพคุ้มครอง

บุคคลหมายเลข 1 หรือผู้ที่เกิดวันที่ 1,10,19 และ 28

ถูกควบคุมโดยพลังแห่งดวงอาทิตย์ ซึ่งถือเป็นเทพเจ้าแห่งความสดใส เป็นความรัก ที่ถูกกระตุ้นให้ร่าเริงอยู่เสมอ กระตือรือร้นที่จะรัก ชอบแสดงออก เมื่อรักแล้วจะเต็มไปด้วยพลังแห่งการสร้างสรรค์ เปี่ยมไปด้วยชีวิตชีวา เป็นรักที่เปิดเผย มักจะบอกกล่าวให้คนรอบข้างและสาธารณชนได้รับรู้ ในมุมกลับกันถ้ารักเป็นพิษหรือไม่สมหวัง ก็พร้อมที่จะแผดเผาด้วยอารมณ์ที่รุนแรงได้เช่นกัน มุมมองด้านความรัก คือ ทะเยอทะยาน เร้าใจเหมือนรถแข่งที่พร้อมจะทะยานเข้าสู่เส้นชัย

บุคคลหมายเลข 2 หรือผู้ที่เกิดวันที่ 2,11 ,20 และ 29
ถูกควบคุมโดยพลังแห่งดวงจันทร์ หรือเทพีแห่งยามค่ำคืน เป็นความรักที่อ่อนโยน อบอุ่น โรแมนติค ครุ่นคิด ไตร่ตรอง ทบทวน แผ่วเบา ดำเนินไปอย่างช้า ๆ แต่ต่อเนื่องยาวนานในมุมกลับกันมักจะครุ่นคิด จนวิตกกังวล หึงหวงเกินขอบเขต มุมมองด้านความรัก คือ ลึกซึ้ง อ่อนโยน เหมือนเรือที่วิ่งเข้าสู่ท่าเทียบเรืออย่างสงบ

บุคคลหมายเลข 3 หรือผู้ที่เกิดวันที่ 3, 12,21 และ 30
ถูกควบคุมโดยพลังของดาวพฤหัสบดี ซึ่งถือเป็นเทพเจ้าของการเรียนการสอน รูปแบบ แห่งรักจึงมีการชี้นำ การอบรม เป็นห่วงเป็นใย แบบพ่อแม่ดูแลบุตร พี่ชายดูแลน้องสาว ครูบาอาจารย์ดูแลศิษย์ มีความเอื้ออาทรเป็นสายใย นี่คือแบบฉบับของรักที่เปี่ยมไปด้วยไมตรีบางคู่ก็อาจเป็นรักที่เกิดจากคนต่างวัย แต่มีสายใยแห่งความเข้าใจเป็นสิ่งผูกมัด ในมุมกลับกันก็พร้อมที่จะเป็นรักในรูปแบบที่เย็นชา วุ่นวายเรื่องส่วนตัวเกินขอบเขต มุมมองด้านความรัก คือ การสนทนานำพาสติปัญญาให้งอกงาม

บุคคลหมายเลข 4 หรือผู้ที่เกิดวันที่ 4,13,22 และ 31
ถูกควบคุมพลังแห่งรักโดยดาวมฤตยู หรือดาวยูเรนัส เทพเจ้าแห่งความคิดอิสระ มีการกระทำในมุมที่ผู้อื่นคาดการณ์ไม่ถึง ความรักบางครั้งก็ยากแก่การคาดการณ์ อาจเจอปุ๊บรักปั๊บ หรือไม่รักไม่หวง แต่คอยติดตามความคืบหน้าอยู่ตลอดเวลา เป็นความรักที่เกิดขึ้นได้โดยไม่มีการเตรียมพร้อม แต่พร้อมที่จะรัก ในมุมกลับกันก็พร้อมที่จะเย็นชา ไร้ความรู้สึก ไร้ความสนใจ เหมือนทุกอย่างคือความว่างเปล่า มุมมองด้านความรัก คือ สายลมที่นำพาทุกอย่างมาพร้อมกัน

บุคคลหมายเลข 5 หรือผู้ที่เกิดวันที่ 5,14 และ 23
ถูกควบคุมโดยพลังแห่งดาวพุธ ซึ่งถือว่าเป็นดาวดวงเล็ก แต่มีฤทธิ์ค่อนข้างเกินตัว โดดเด่นทางด้านเดินทาง และมีวาทศิลป์ในการเจรจา สื่อถึงความรักที่โลดแล่นไปตามจังหวะชีวิต ขึ้นลง ตามภาวะเหตุการณ์ และการเจรจาพาที เป็นความรักที่แลกเปลี่ยนความคิดเห็นและสื่อสารถึงกันตลอดเวลา แม้ว่าจะห่างกันคนละมุมโลก ความรักเหมือนปรอท เจอแล้วมักมีเหตุให้จากกันชั่วครู่ เมื่อทำภารกิจสำคัญสำเร็จแล้ว ถึงจะได้ย้อนกลับมาเจอกันอีก เรียกว่าจบลงด้วยดีในตอนปลาย ในมุมกลับกันมักเป็นประเภทรักง่าย หน่ายเร็ว มุมมองด้านความรัก คือ อกหักดีกว่ารักไม่เป็น

บุคคลหมายเลข 6 หรือผู้ที่เกิดวันที่ 6,15 และ 24
ถูกควบคุมโดยเทพีวีนัส ซึ่งเปรียบเสมือนเทพีแห่งความรัก เต็มไปด้วยความรักที่มีเสน่ห์ล้นเหลือ เป็นรักที่ยั่วยวนชวนให้หลงใหล เต็มไปด้วยสีสันจินตนาการที่ไร้ขอบเขตในมุมกลับกันเป็นความรักที่ถูกครอบงำโดยการหลงใหล ประเภทรักไม่รู้จักกาลเทศะ ไม่รู้จักเวลา ขอเพียงให้ได้รักหรือถูกรักก็พอใจ มุมมองด้านความรัก ความรักคือโอสถทิพย์

บุคคลหมายเลข 7 หรือผู้ที่เกิดวันที่ 7,16 และ 25
ถูกควบคุมโดยดาวพระเกตุ (เนปจูน) เป็นความรักที่ค่อนข้างอิสระเสรี เป็นตัวของตัวเอง เป็นรักที่มีจุดยืนชัดเจนว่าฉันเป็นของฉันอย่างนี้ คุณจะเป็นแบบไหนก็คือแบบฉบับของคุณขอเพียงแค่เข้าใจในจุดร่วมก็สามารถรักกันได้ ในมุมกลับกันบางครั้งอิสระมากเกินไป จนดูว่าห่างเหินขาดการติดต่อ ไม่สม่ำเสมอ มุมมองด้านความรัก คือ ขอบฟ้าที่กว้างไกล คือสายใยแห่งความรัก

บุคคลหมายเลข 8 หรือผู้ที่เกิดวันที่ 8,17 และ 26
ถูกควบคุมโดยดาวเสาร์ เป็นตัวแทนของเทพเจ้าแห่งความสง่างาม ที่เปี่ยมไปด้วยเสน่ห์ ยามสงบนิ่ง ในด้านของความรักมักจะก่อตัวอย่างเงียบๆ เปรียบเสมือนถ่านร้อนที่คุโชนเป็นรักที่ไม่ค่อยชอบแสดงออก หรือเปิดเผยในการกระทำมากมาย แต่ก! ็ก่อตัวอย่างสงบ และหนักแน่นมั่นคง ในมุมกลับกันบางครั้งก็ดูเย็นชาจนขาดความตื่นเต้นเร้าใจ มุมมองด้านความรัก คือ หนักแน่นและมั่นคงดุจขุนเขา

บุคคลหมายเลข 9 หรือผู้ที่เกิดวันที่ 9,18 และ 27
ถูกควบคุมโดยดาวอังคาร ในแง่ของความรักแล้วถือว่า เป็นรักที่ต้องแข่งขันถึงจะเข้าเส้นชัย เป็นคู่รักที่ต้องใช้ความอดทน จนถึงขั้นทรหดในการประคองความรัก แต่ถ้าถึงที่หมายแล้วล่ะก็เชื่อได้ว่าจะเป็นอมตะแห่งรักที่มั่นคงและอบอุ่น ในมุมกลับกันเป็น ความรักที่ก้าวร้าว เห็นแก่ตนเองเป็นสำคัญ มุมมองด้านความรัก คือ การแข่งขันย่อมนำมาซึ่งความสำเร็จ

เปิดประวัติ รองเท้าสุดคลาสสิก Converse


Converse นั้นเป็นบริษัทผลิตรองเท้าที่มีต้นกำเนิดในสหรัฐอเมริกา โดยทางบริษัทConverse Rubber Corporation ได้เริ่มเปิดกิจการตั้งแต่เมื่อปี 1908 ซึ่งผู้ก่อตั้งคนแรกก็คือ มาร์ควิส เอ็ม คอนเวอร์ส โดยร้านแห่งแรกที่เมืองมัลเดน มลรัฐแมสซาชูเซตส์


สำหรับจุดเปลี่ยนที่ทำให้ร้านแห่งนี้โด่งดังขึ้นนั้นเกิดขึ้นเมื่อปี 1917 เมื่อมีการทำรองเท้าผ้าใบรุ่น "All-Star" ออกสู่ตลาด ในปีถัดมา ชาร์ลส์ เอช "ชัค" เทย์เลอร์ บุคคลผู้สร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับบริษัทแห่งนี้จึงได้เข้ามาร่วมงานด้วย ซึ่งตัวชัคนั้นเป็นนักบาสเก็ตบอลผู้เล็งเห็นว่า รองเท้าคอนเวอร์สนั้นจะต้องได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในวงการนักบาสเก็ตบอล ด้วยเหตุนี้ เขาจึงเข้าร่วมทำงานเป็นเซลส์แมนและเป็นทูตคอยโปรโมตสินค้าให้กับคอนเวอร์ส โดยระหว่างเดินทางไปแข่งขันบาสเก็ตบอลทั่วทั้งสหรัฐฯ ชัคจะแนะนำรองเท้าคอนเวิร์ส์ไปด้วย ทำให้คอนเวอร์สกลายเป็นรองเท้าที่ได้รับความนิยมทั้งในหมู่นักบาสเก็ตบอลและวัยรุ่นอเมริกัน ด้วยเหตุนี้ ในปี 1923 ทางคอนเวอร์สจึงนำชื่อ Chuck Taylor's ไปปรากฏร่วมกับโลโก้ของตนที่ติดอยู่บริเวณส่วนที่หุ้มข้อเท้า ทำให้ผู้คนมักเรียกรองเท้านี้ว่า "ชัคส์" ส่วนตัวชัคเองนั้น เขาทำงานให้กับคอนเวอร์สอย่างหนักก่อนจะเสียชีวิตไปเมื่อปี 1969
อย่างไรก็ตาม รองเท้าชัคส์นั้นมีแต่สีดำและสีขาวเป็นเวลานานหลายทศวรรษ แต่เมื่อทีมบาสเก็ตบอลต่างๆ ต้องการที่จะให้รองเท้ามีสีอื่นๆด้วย ทำให้เมื่อปี 1966 คอนเวอร์สจึงต้องผลิตรองเท้าสีอื่นๆ นอกจากนั้น ยังมีการเปลี่ยนไปใช้วัสดุอื่นๆในการทำรองเท้าด้วย เช่น หนัง หนังกลับ ไวนีล ป่าน แทนที่จะเป็นผ้าใบเพียงอย่างเดียว

ในช่วงทศวรรษที่ 1970 และต้น 1980 นั้น คอนเวอร์สได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก แต่เมื่อถึงช่วงกลางทศวรรษที่ 1980 และ 1990 ปรากฏว่ามีคู่แข่งหน้าใหม่ เช่น ไนกี้ เข้ามาช่วงชิงลูกค้าไปด้วยผลิตภัณฑ์ที่มีความทันสมัย ทำให้คอนเวอร์สไม่ได้เป็นรองเท้าแห่งวงการเอ็นบีเออีกต่อไป จากเหตุผลนี้บวกกับการตัดสินใจทางธุรกิจที่ผิดพลาดอีกหลายครั้งทำให้คอนเวอร์สต้องเผชิญภาวะล้มละลาย เมื่อวันที่ 22 มกราคม 2001 ทำให้บริษัทต้องเปลี่ยนมือไป และในปีนั้นเองที่โรงงานแห่งสุดท้ายในสหรัฐฯได้ถูกปิดลงไปพร้อมกัน ซึ่งปัจจุบันรองเท้าคอนเวอร์สจะถูกผลิตจากประเทศต่างๆในทวีปเอเชีย เช่น จีน อินโดนีเซีย และเวียดนาม
อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม 2003 ทางคอนเวอร์สได้รับข้อเสนอของไนกี้ ในการเข้ามาเทคโอเวอร์ด้วยเงินจำนวน 305 ล้านเหรียญสหรัฐฯ

แม้ว่าคอนเวอร์สจะต้องเผชิญภาวะตกต่ำ แต่รองเท้าคอนเวอร์ส Chuck Taylor All-Star นั้นถือว่าเป็นรองเท้าที่ขายดีมากที่สุดในประวัติศาสตร์ โดยในศตวรรษที่ 21 มีรองเท้ารุ่นดังกล่าวถึง 600 ล้านคู่ที่ถูกขายออกไปทั่วโลก และแม้ว่าปัจจุบัน นักบาสเก็ตบอลจะไม่ใส่คอนเวอร์สกันอีกต่อไปแล้ว แต่คอนเวอร์สยังคงได้รับความนิยมจากกลุ่มนักดนตรี วัยรุ่นหนุ่มสาวทั่วโลกแทน

ทั้งนี้ นอกจากรุ่นชัคแล้ว รองเท้าคอนเวอร์สอีกหนึ่งรุ่นที่ได้รับความนิยมอย่างมากคือ แจ็ก เพอร์เซลล์ ซึ่งผลิตกันมาตั้งแต่ปี 1935 โดยตั้งชื่อตาม แจ็ก เพอร์เซลล์ ยอดนักแบดมินตันและนักเทนนิสที่โด่งดังมากในสมัยนั้น และแจ็กเองก็เป็นผู้ที่ช่วยออกแบบรองเท้าด้วยตัวเองอีกด้วย

ขอขอบคุณข้อมูลจาก : http://www.yimwhan.com/

100 ข้อคิดสั้นๆ โดนใจ นำไปใช้ได้จริง

บางครั้งการใช้ชีวิต ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเสมอไป เราจำเป็นต้องมีหลักยึดเตือนใจ เพื่อให้อยู่ในสังคมอย่างสงบสุขและสง่างาม ไม่เว้นเเต่จะเป็นการปฏิบัติต่อคนที่เราคิดว่าเป็นเพื่อน เพื่อเป็นการรักษามิตรภาพให้ยืนยาว อีกทั้งยังเป็นการคบกันด้วยความจริงใจ ช่วยเหลือกันในยามมีความทุกข์ ในยามสุขก็แบ่งปันให้กันด้วยความจริงใจ
หากใครบอกว่า โอ้โหตั้ง 100 ข้อเชียวหรอ แต่ขอบอกว่าลองศึกษาดูก่อน มันไม่มากไม่มายและยากเย็นเกินไปที่เราจะปฏิบัติเลยจริงๆ

1เอาใจเขามาใส่ใจเรา
2เชื่อมั่นตัวเอง
3อย่ามองคนที่หน้าตา
4กล้าคิด พูด และทำ
5เมื่อมีเรื่อง จงหมั่นปรึกษาผู้อื่น
6และจงเป็นที่ปรึกษาให้ผู้อื่นด้วย
7อย่าโกหกกับเรื่องที่คุนคิดว่าผิด
8ไว้ใจบุคคลที่สมควรไว้ใจ
9เปิดใจให้กว้าง
10มองการณ์ไกล
11วางแผนอนาคต
12อย่าโทษตัวเอง
13มีความรับผิดชอบ
14ตอบแทนเมื่อได้รับ
15ให้ในสิ่งที่ผู้อื่นอยากได้และไม่มี
16อย่าใช้อารมณ์ แต่จงใช้ความคิด
17คิดถึงส่วนรวมให้มาก
18ดูแลตัวเองให้เป็น
19รู้ผิด ชอบ ชั่ว ดี
20อย่าปล่อยให้เวลาผ่านไปโดยเสียเปล่า
21อย่ารู้ค่าสิ่งที่อยู่กับเราต่อเมื่อเราสูญเสียไปแล้ว
22จงรู้ตัวอยู่เสมอว่าตอนนี้กำลังทำอะไร
23ที่ทำอยู่มีผลดี ผลเสีย มีประโยชน์ หรือไร้ประโยชน์
24อย่าวัวหายแล้วล้อมคอก
25ให้อภัยแก่ตนเองและผู้อื่น
26อย่าเก็บอดีตมาทำร้ายตนเอง แต่จงหัดที่จะเรียนรู้จากมัน
27คนไม่ผิดคือคนที่ไม่เคยทำอะไร
28ได้หน้าอย่าลืมหลัง
29คุณไม่ใช่พระเจ้า อย่าคิดซ่อมความรู้สึก แต่จงวางแผนที่จะดูแลมันไม่ให้เสีย
30อย่าอ่านข้อความที่มีประโยชน์ผ่านๆ
31อ่านแล้วคิด คิดแล้วทำ หมั่นพัฒนาตนเอง
32รู้จักแบ่งเวลา และหน้าที่
33ทำประโยขน์ให้แก่ส่วนรวมบ้าง
34อย่าเห็นแก่ตัว
35อย่ารอคอยในสิ่งที่ยังมาไม่ถึง
36อย่ากลัวในสิ่งที่ตนสามารถสู้หรือเปลี่ยนแปลงมันได้
37กำลังใจเป็นสิ่งสำคัญ หัดเติมให้คนอื่น แล้วเขาจะกลับมาเติมให้คุนเอง
38เพื่อนไม่จำเป็นต้องเจอหน้ากันก้อคุยกันได้
39อย่าคิดว่าเขาไม่โทร।มา ถ้าคุนก้อไม่เคยโทร.ไป40
จง เป็นฝ่ายให้มากกว่าเป็นฝ่ายรับ
41ดูแลบิดามารดาให้ดี คุนมีโอกาส รีบทำซะก่อนที่จะไม่มี
42อย่าเสียใจกับสิ่งที่เลวร้ายหรือสูญเสียไปแล้ว มันไม่กลับมา แต่คุนสามารถทำมันใหม่หรือเรียนรู้จากมันได้
43คำพูดเมื่อพูดไปแล้วไม่สามารถเรียกกลับมาได้ ดังนั้น คิด ก่อนพูด
44อย่าทุ่มเทในสิ่งที่ไร้ประโยชน์
45คำพูดให้กำลังใจคนได้ ปลอบใจได้ ยุให้ทะเลาะกันได้ ทำให้เสียความรู้สึกได้ จงรู้ที่จะพูด
46ชีวิตไม่ใช่เกม พลาดแล้วไม่สามารถเริ่มใหม่หรือกดโหลดได้
47หาจุดหมายให้กับชีวิต
48เครียดได้ แต่เครียดให้เป็น
49ถ้างง เขียนหนังสือได้ แต่เขียนให้เป็นภาษา
50วันๆหนึ่งคุณทำอะไรบ้าง ที่ไม่ใช่ กิน นอน เล่น
51ไม่มีหมอคนไหนรอให้คนไข้จะตายแล้วค่อยช่วยหรอกนะ
52เพื่อนคุณก็เช่นกัน อย่าปล่อยให้เขาเครียดจนจะตายแล้วถึงไปถามหรือดูแล
53ร่างกายไม่ใช่เครื่องจักร ให้มันพักผ่อนซะบ้าง
54คุณซื้อนาฬิกาได้ แต่คุณไม่สามารถซื้อเวลาได้
55ตอนนี้มีใครคอยคุนอยู่รึเปล่า ถ้ามีกลับไปหาซะ
56ตอนนี้คุณคอยใครอยู่รึเปล่า จะคอยอย่างนี้ไปถึงเมื่อไหร่ ทำอะไรซะบ้าง
57อย่ากล่าวคำขอโทษบ่อย มีอะไรดีๆตั้งหลายอย่างที่ทำแล้วไม่ต้องตามไปขอโทษ
58ตอนคุณลำบากคุณคิดถึงใคร คุนอยากให้ใครช่วยเหลือ
59ตอนนี้คนกำลังสบายอยู่ แล้วคนที่คุณเคยขอความช่วยเหลือล่ะ หมดประโยชน์แล้วหรือ
60ไม่ใช่ แล้วไง ต้องให้บอกต่อมั้ย
61ทำอะไรก็ได้ให้ตัวเองมีความสุข แต่อย่าบนทุกข์ของคนอื่น
62ตอนที่คนกำลังอ่านประโยคนี้ จงจำไว้ว่าคุนเป็นมนุษย์ และยังมีชีวิตอยู่
63ใครเป็นคนทำให้คุนมีชีวิต ตอบแทนเขาบ้างหรือยัง
64ไม่ต้องรอให้ถึงวันพิเศษใดๆ แค่เข้าไปบอกเขาว่ารักก้อเพียงพอแล้ว
65อย่ารอให้ถึงวันเกิดเพื่อน ถึงจะได้คุยกันหรือให้ของขวัญกัน
66ไม่มีกฏหมายข้อใดห้ามให้ของขวัญในวันธรรมดา
67ถ้าเป็นคุณอยู่ดีๆมีเพื่อนเอาขนมมาให้ คุณจะรู้สึกดีมั้ย หรือดูที่ราคาขนม
68เหล้าทำให้คุนลืมได้ตอนเมาแอ๋ แต่เพื่อนแท้ทำให้คุนลืมเรื่องร้ายๆได้ตลอดชีวิต
69อย่าคิดว่าตนเองไม่มีเพื่อนหรือไม่มีใคร อย่างน้อยๆถ้าคุณได้อ่านข้อความนี้ จงรู้ไว้ว่าคุณยังมีคนพิมพ์คนนี้อีกคน
70อย่าคิดว่าตนเองเป็นคนโชคร้ายที่สุด และอย่าคิดว่าตนเองเป็นคนโชคดีที่สุด
71อย่าพูดว่าไม่มาเป็นเราไม่รู้หรอก ถ้า งั้นคุนก็ไม่รู้เรื่องของเขาเช่นกัน
72เหนื่อยนักก็หยุดพักซะบ้าง
73อย่าคิดว่าคนดีไม่มีในสังคม เพราะคุณก็เป็นคนเพียงแต่คุนยังไม่ได้ทำอะไรบางอย่าง
74ปริศนาในเกมคุณแก้ได้ แล้วทำไมปริศนาในชีวิตคุณแก้ไม่ได้ ในเมื่อบทสรุปอยู่ในตัวคุณ
75คุนมองเพชรที่ความงามภายในหรือป้ายราคาภายนอก
76ถ้าคุนกินอาหารเหลือ ลองนึกถึงเด็กที่ไม่มีอันจะกิน
77มีเรื่องราวอีกมากมายที่ไม่ได้เขียนอยู่ในหนังสือ ลองค้นคว้าดูจะรู้
78ลูกธนูที่ถูกปล่อยจากหน้าไม้ อันตรายน้อยกว่าหอกที่เเทงมาจากข้างหลัง
79การถูกหักหลังเป็นสิ่งที่เจ็บปวด อย่าให้มันเกิด
80ทำยังไง ต้องให้ขโมยขึ้นบ้านก่อน ถึงไปดูรั้วบ้านใช่มั้ย
81ทำใจกับสิ่งต่างๆล่วงหน้าไว้บ้างก็ดี
82จะยกตัวอย่าง สมมุติคนที่คุณรักจากไปตอนนี้ คุนคิดว่า คุนทำอะไรให้เขาบ้างหรือยัง
83อย่าตอบว่าทำยังไงก็ตอบแทนไม่หมด ขอถามว่าทำครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่
84คุณทำใจได้แล้วหรือถ้ามันเกิดอะไรขึ้น คุณไปร้องไห้ข้างโลงศพ ยังไงเขาก็ไม่ฟื้นมาได้ยินหรอกนะ
85ตัวคุณมีค่าอยู่แล้ว อยู่ที่คุนรุ้จักดึงมันออกมาใช้ได้รึเปล่า
86หัดคุยกับตัวเองซะบ้าง แล้วจะรู้ว่ามีอะไรอีกมากมายที่คุณยังไม่รู้
87ร่างกายใช้มากี่ปีแล้ว เคยดูแลมันบ้างรึเปล่า หรือเอาไว้เพื่อให้วิญญาณมีที่สิงสถิต
88การใส่เสื้อสวยๆไม่ช่วยให้ร่างกายดีขึ้นหรอกนะ ที่ดีขึ้นคือบุคลิกต่างหาก
89หาความสุขของตัวเองให้เจอ หัดมีความสุขซะบ้าง อดีตเราลืมไม่ได้แต่เลิกคิดได้
90ลองทำอะไรบ้าๆบ้างก็ดี อย่ายึดติดนักเลย
91ผู้พิมพ์ไม่ใช่คนรู้อะไรมากมาย ไม่ได้มาโชว์ว่าตัวเองอวดรู้ แต่อยากให้คุนได้รุ้อะไรไว้บ้างก็ดี
92สิ่งที่คุณปล่อยผ่านๆ ไปในชีวิตหรือเรื่องคุณเห็นว่าไม่สำคัน กลับมาดูเเลตรงนั้นบ้างก็ดี
93อย่าไว้ใจใครเกินไป ไม่ได้สอนให้ระแวงไม่ไว้ใจใคร แต่ระวังไว้บ้างก็ดี
94อย่าตามเพื่อนนัก กินเหล้ากิน เล่นไพ่เล่น เที่ยวหญิงเที่ยว
95ยาเสพติดทุกชนิด อย่าคิดจะลองเด็ดขาด
96อย่าทำตามเพื่อนเพราะเพื่อนทำกันหมด ร่างกายเขากับร่างกายเรา แน่นอนจิตใจก็เหมือนกัน
97ผู้ชายยังไงก็คือผู้ชาย ผู้หญิงยังไงก้อคือผู้หญิง
98บางครั้งการอยู่คนเดียวก็ไม่ได้เลวร้ายเมอไป
99ไม่มีมิตรถาวรและศัตรูที่เเท้จริง
100จงทำวันนี้ให้ดีที่สุด เพื่อตัวเราเอง คนที่เรา รัก และคนที่อยู่รอบกายเรา

Credit : picpos
ที่มา: http://zayyes.com/

เพิ่มรูปภาพ

สูตรทำทารต์ไข่ (Egg Tart) ยอดฮิต

ทาร์ตไข่สไตล์โปรตุเกสเป็นที่นิยมในหมู่คนไทยเหลือเกิน สูตรที่เอาฝากเป็นสูตรที่ง่ายที่สุดสูตรหนึ่ง มีส่วนประกอบแค่ 4 อย่างก็ทำได้แล้วค่ะ

ส่วนประกอบ
แป้ง puff pastry 1 แผ่น
แป้งสาลีอเนกประสงค์ สำหรับนวล
นม 190 มิลลิลิตร
ไข่ 2 ฟอง
น้ำตาลทราย 3 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ
1 ตีไข่กับน้ำตาลให้เข้ากันดี เติมนมลงไป คนให้เข้ากัน กรองให้เนียน พักไว้
2 เปิดเตาอบที่ 180 องศาเซลเซียส
3 คลึงแป้ง puff pastry ให้บาง 3 มิลลิเมตร เท่าๆ กันทั้งแผ่น ใช้แป้งนวลได้เล็กน้อย ใช้ส้อมเจาะทั่วๆ ตัวแป้ง แล้วใช้ ที่ตัดรูปวงกลมขนาดประมาณ 3 ½ นิ้ว กดแป้งออกมาเป็นวงกลม ใช้แปรงปัดเศษแป้งส่วนเกินออก แล้วกรุลงในพิมพ์มัฟฟินหรือคัพเค้กขนาดมาตรฐาน พยายามกรุมุมให้แนบๆ สนิทพิมพ์ ตัวทาร์ตจะได้มีทรงที่สวย
4 เทส่วนผสมคัสตาร์ดที่พักไว้ลงในพิมพ์ ได้ประมาณ 10 ชิ้น
5 นำเข้าอบประมาณ 30 นาที เมื่อสุกดี หน้าจะพอง เอาขนมออกจากเตา หน้าก็จะหดตัวลง เอาขนมออกจากพิมพ์ พักบนตะแกรง ให้แป้งด้านข้างระบายความร้อน จะได้ไม่แฉะ

ที่มา : พลพรรคนักปรุง
สูตรโดย : สูตรโดย : พล ตัณฑเสถียร

ชา จริงๆ แล้วดีกว่าน้ำ

แค่เพียงดื่มชาวันละนิด คุณก็จะห่างไกลจากโรคหัวใจได้วันละหน่อย

ทิ้งความเชื่อผิดๆ ที่ว่า "ชาจะทำให้เราหิวน้ำ" เพราะการวิจัยตีพิม์ในวารสาร European Journal of Clinical Nutrition ชี้ว่า ชาสามารถทำให้เราชุ่มชื้นได้เช่นเดียวกับน้ำ แต่ดีกว่าตรงที่ชามีสารต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งช่วยป้องกันโรคหัวใจ และโรคมะเร็งบางชนิดได้ โดยนักวิจัยจาก Kings College London พบหลักฐานว่า การดื่มชา 3-4 ถ้วยต่อวัน จะช่วยลดโอกาสเป็นโรคหัวใจได้จริง

นอกจากนี้ ชายังมีประโยชน์ในการปกป้องเคลือบฟัน และช่วยไม่ให้ฟันผุ เนื่องจากในชามีฟลูออไรด์ อย่างไรก็ตาม ชาอาจทำให้เราดูดซึมธาตุเหล็กได้น้อยลง คนที่เป็นโลหิตจางหรือคนท้องจึงไม่ควรดื่มระหว่างมื้ออาหาร ทั้งนี้ สำหรับปริมาณน้ำที่ควรดื่มวันละ 1.5-2 ลิตร นักวิจัยแนะนำว่าจะรวมชาเข้าไปในจำนวนนี้ก็ได้เช่นกัน

ไข่เจียวสอดไส้น้ำแดง


ส่วนผสม
- ไข่ไก่ 4 ฟอง
- ไก่สับละเอียด 1 ถ้วยตวง
- หัวหอมใหญ่หั่นสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ ¼ ถ้วยตวง
- มะเขือเทศหั่นสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ ¼ ถ้วยตวง
- เมล็ดถั่วลันเตา ¼ ถ้วยตวง
- ซอสมะเขือเทศ ½ ถ้วยตวง
- ซอสพริก 2 ช้อนโต๊ะ
- ซิอิ๊วขาว 1 ช้อนโต๊ะ
- ซอสปรุงรส 1 ช้อนโต๊ะ
- น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ
- พริกไทยป่น 1 ช้อนชา
- ขิงสับละเอียด 1 ช้อนโต๊ะ
- น้ำมันหอย 1 ช้อนโต๊ะ
- น้ำมันพืช 5 ช้อนโต๊ะ
- เหล้าจีน 1 ช้อนโต๊ะ
- ผักชีเด็ดเป็นใบ ๆ 1 ต้น
- น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ

วิีธีการทำ
1. ต่อยไข่ไก่ ตีให้เข้ากัน 4 ฟอง ทำได้ 2 แผ่น พักไว้
2. น้ำมันพืช 2 ช้อนโต๊ะตั้งไฟพอร้อน ใส่ไก่สับ หัวหอมใหญ่ มะเขือเทศ เมล็ดถั่วลันเตา ผัดให้เข้ากัน
3. ปรุงรสด้วยน้ำปลา น้ำตาลทราย 2 ช้อนชา พริกไทยป่น ผัดให้เข้ากันชิมรส เมื่อรสดีแล้วยกลง
4. นำน้ำมันทากระทะพอร้อนใส่ไข่กรอกให้เป็นแผ่น ใส่ไส้ในข้อ 2 พับไข่เป็นรูปสี่เหลี่ยม ตักใส่จานให้สวยงาม นำน้ำมัน 2 ช้อนโต๊ะ ตั้งไฟพอร้อน
5. ใส่ขิงผัดให้หอม ใส่ซอสมะเขือเทศ ซอสพริก ซิอิ๊วขาว ซอสปรุงรส น้ำตาลทราย 1 ช้อนชา พริกไทยป่น น้ำมันหอย
6. ผัดให้เข้ากันชิมรส เมื่อรสดีแล้วใส่เหล้าจีนผัดพอเข้ากัน ยกลง ราดบนไข่สอดไส้ แต่งด้วยผักชีให้สวยงาม

ดูแลสุขภาพดวงตาง่ายๆ ด้วยโยคะสายตา

ชีวิตยุคไอที การใช้งานคอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ ที่ทันสมัยเพื่อทำงาน หรือติดตามข่าวสาร จำเป็นต้องใช้สายตาจ้องมองเป็นเวลานาน การดูแลสุขภาพดวงตาจึงเป็นสิ่งสำคัญ เทคนิคเพื่อบริหารดวงตาให้มีสุขภาพดีนั้นมีหลากหลาย โยคะมีการบริหารดวงตาโดยต้องถอดแว่นหรือคอนแทคเลนส์ออกก่อน แล้วทำตามขั้นตอนง่ายๆ ดังนี้
ขั้นตอนที่ 1 หลับตาแล้ว ถูฝ่ามือสองข้างเข้าหากันไปมาอย่างเร็วจนรู้สึกร้อน
ขั้นตอนที่ 2 ประคบฝ่ามือทั้งสองข้างนาบกับหนังตานานประมาณ 1 นาทีให้รู้สึกถึงความร้อนที่แผ่จากฝ่ามือสู่ดวงตา
ขั้นตอนที่ 3 ผ่อนคลายความเคร่งเครียดทั้งมวลลงพร้อมทั้งหายใจลึกๆ นำมือออก ลืมตาขึ้น
ขั้นตอนที่ 4 เคลื่อนสายตาจากซ้ายไปขวา โดยมองไปยังที่ไกลๆ จากมุมซ้ายสุดแล้วกวาดสายตาไปยังมุมขวาสุด ทำซ้ำๆ กัน 4 ครั้ง
ขั้นตอนที่ 5 ทำซ้ำขั้นตอนที่ 1-3 แล้ว เคลื่อนสายตาจากมุมขวาบนไปยังมุมซ้ายล่างเป็นเส้นทแยงมุม ทำซ้ำๆ กัน 4 ครั้ง
ขั้นตอนที่ 6 ทำซ้ำขั้นตอนที่ 1-3 แล้ว เคลื่อนสายตาโดยกวาดสายตาเป็นวง(ทิศทางตามเข็มนาฬิกา) ทำซ้ำๆ กัน 4 ครั้ง
ขั้นตอนที่ 7 ทำซ้ำขั้นตอนที่ 1-3 แล้ว เคลื่อนสายตาจากบนสุดลงมายังจุดล่างสุดโดยมองไปยังจุดไกลๆ ที่สุดด้านบนแล้วกวาดสายตาลงมายังจุดด้านล่างอย่างช้าๆทำซ้ำๆ กัน 4 ครั้ง
ขั้นตอนง่ายๆ ที่ทำได้ด้วยตนเองเพียงแค่นี้ ก็สามารถดูแลดวงตาให้มีสุขภาพดี
ขอขอบคุณข้อมูลจาก : เคล็ดลับ...เพื่อสุขภาพดวงตาที่ดีของคุณ

ดูแลสุขภาพดวงตาง่ายๆ ด้วยโยคะสายตา


เนื้อวัวที่แพงที่สุดในโลกไม่ใช่เนื้อวัวที่เลี้ยงด้วยข้าวโพดจากรัฐวิสคอนซินในสหรัฐอเมริกา แต่เป็นเนื้อวัวพิเศษสุดจากเมืองมัทสึซากะในประเทศญี่ปุ่นโดยเฉพาะเนื้อตรงที่มีไขมันแทรกเป็นริ้วสีขาวนวลเหมือนเนย สลับสีชมพูสดของส่วนที่เป็นเนื้อแท้ เปรียบได้ดังหินอ่อนชั้นดีจากรัสเซีย ความอร่อยของเนื้อมัทสึซากะอยู่ที่ความนุ่มและมีกลิ่นหอมโดยเฉพาะเมื่อนำมาทอดบนกระทะเหล็กแผ่นขัดเงา ร้อนจัด ที่เรียกว่า เทปันยากิ หรือเอามาฝานบางๆเป็นแผ่นใหญ่โดยมิให้ขาดรุ่งริ่ง แล้วเอามาทำสุกียากี้หรือชาบุ-ชาบุ ใช้ตะเกียบคีบจุ่มลงในน้ำแกงจืดร้อนจัดเพียงครึ่งนาที ก็เอามาจิ้มลงในซอสงาบด หรือปอนสุแล้วใส่ปาก จะรู้สึกอร่อยจนบอกไม่ถูก

เจ้าของวัวจะดูแลวัวอย่างพิถีพิถันถึง 3 ปี (วัวที่เลี้ยงเพื่อขายปกติจะมีอายุไม่เกิน 2 ปี)โดยขุนให้อ้วนที่สุด และเลี้ยงในคอกไม้ตอกสลักไม้ประมาณ 2 ต।ร.ม. พอดีตัววัวท่อน้ำก็ทำด้วยพลาสติก เพราะเกรงโลหะจะขีดข่วนให้วัวเกิดตำหนิและเจ้าของคอกทุกแห่งหวังจะเลี้ยงวัวให้ได้ชนะเลิศแชมเปี้ยนเพราะจะทำให้ขายวัวได้ราคาสูงเป็นหมื่นๆ ดอลลาร์เลยทีเดียว

ขอขอบคุณข้อมูลจาก : หนังสือข้างครัว เล่ม 2 โดย: พิชัย วาศนาส่ง

ปลาได้ยินเสียงไหม


เคยไหมที่เวลาเราให้อาหารหรือเปลี่ยนน้ำให้กับปลา ก็อดที่จะพูดคุยกับปลาไม่ได้เพราะการคุยกับสัตว์เลี้ยงนั้นเป็นการสื่อสารถึงความรักที่คุณมีให้แก่เขาแต่กับปลาล่ะ เวลาที่เราพูดด้วยนั้นเขาจะได้ยิน และเข้าใจที่เราพูดด้วยหรือเปล่าถ้าบอกว่าปลาสามารถได้ยินเสียง ก็คงมีคนถามต่ออีกว่า แล้วไหนล่ะหูของปลา

เนื่องจากปลาไม่มีหูส่วนนอกหรือใบหูให้เห็น แต่จริงๆ แล้วปลานั้นได้ยินเสียงจากภายนอก โดยใช้เส้นข้างลำตัวมาทำหน้าที่ในการรับเสียง จากนั้นก็ส่งสัญญาณต่อไปสู่หูชั้นในซึ่งมีหน้าที่รับเสียง และส่งสัญญาณต่อไปยังสมองในการรับรู้และยังเป็นการรักษาสมดุลในการทรงตัว เช่นเดียวกับมนุษย์

ทว่าความเข้าใจนั้น ก็เป็นอีกเรื่องที่ต้องบอกว่าปลาไม่มีวันเข้าใจภาษาใดๆ ในโลกหรือแม้แต่ภาษาของปลาด้วยกันเอง เพราะปลานั้นมีสมองเล็กมากประมาณเมล็ดถั่วเขียว และมีความจำที่สั้นมากๆ เหมือนที่เราเรียกคนมีความจำสั้นว่า สมองปลาทอง ดังนั้น ปลาจึงดำรงชีพอยู่ด้วยความรู้สึก

10 วิธีประหยัดกระดาษ อย่างสร้างสรรค์


อันดับที่ 10 ส่งข้อมูลข่าวสารผ่านระบบคอมพิวเตอร์
ส่งข้อมูลข่าวสารผ่านระบบคอมพิวเตอร์ ลดการใช้กระดาษ และพลังงานในการผลิตได้มาก
อันดับที่ 9 พกผ้าเช็ดหน้า
พกผ้าเช็ดหน้า แทนกระดาษทิชชู
อันดับที่ 8 ทำถังสำหรับทิ้งขยะกระดาษโดยเฉพาะ
ทำถังสำหรับทิ้งขยะกระดาษโดยเฉพาะ เพื่อนำไปแปรรูป กลับมาใช้ใหม่
อันดับที่ 7 อ่านเอกสารแล้วส่งต่อกันในสำนักงาน
อ่านเอกสารแล้วส่งต่อกันในสำนักงาน แทนการถ่ายสำเนาหลายๆ ชุด
อันดับที่ 6 นำกระดาษปรินต์แล้วทั้งสองด้าน
กระดาษปรินต์แล้วทั้งสองด้าน สามารถบริจาคทำเป็นกระดาษหน้าที่ 3 สำหรับคนตาบอดใช้เขียนอักษรเบรลล์
อันดับที่ 5 ไม่รับสลิปทุกครั้งที่กด ATM
ไม่รับสลิปทุกครั้งที่กด ATM เพราะหลายๆคนรับสลิปไปแล้วเพียงแค่ดูก็ทิ้งตรงถังขยะตรงนั้น ไม่รู้ว่าจะรับทำใม
อันดับที่ 4 กระดาษหนังสือพิมพ์เหลือใช้ไปทำอย่างอื่น
กระดาษหนังสือพิมพ์ นำมาพับถุงกระดาษ ทำเปเปอร์มาเช่ หรือใช้เช็ดกระจกก็สะอาด
อันดับที่ 3 กระดาษห่อของขวัญเหลือใช้อย่าทิ้ง
กระดาษห่อของขวัญเหลือใช้อย่าทิ้ง นำมาทำการ์ดทำมือเก๋ๆ ดีกว่า
อันดับที่ 2 เลือกกระดาษรีไซเคิล
เลือกกระดาษรีไซเคิลหรือกระดาษที่มีส่วนผสมของเยื่อ Ecofiber เพื่อช่วยลดมลภาวะ
อันดับที่ 1 ใช้กระดาษให้ครบ 2 หน้า
ใช้กระดาษให้ครบ 2 หน้า เพื่อการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า
ขอขอบคุณข้อมูลจาก : toptenthailand.com

บัญญัติ 10 ประการของการ ‘ให้‘


ถึงแม้โครงการ 'ทำดีเพื่อพ่อ...ขอให้คนไทยรักกัน' จะผ่านพ้นไปนานแล้วแต่สิ่งดีๆ จากโครงการนี้ก็ยังคงหลงเหลือให้คนไทยอย่างเราได้จดจำและทำต่อไปได้ตลอด [ไม่เว้นวันหยุดราชการ] นั่นก็คือ "การให้" หรือ GIVEที่จะก่อให้เกิดสุข ทั้งผู้ให้ และผู้รับ คือการให้ที่มีคุณค่า
G = Gladly -ให้ด้วยใจยินดี
I = Impartially -ให้อย่างไม่ลำเอียง
V = Voluntarily -ให้ด้วยความสมัครใจ
E = Expecting Nothing Back -ให้โดยไม่หวังสิ่งตอบแทน
ส่วนนิยามของคำว่า "ให้" จากโครงการดังกล่าวที่นี้มีอยู่ 10 ประการคือ
1 ให้อภัย
2ให้โอกาส
3ให้รอยยิ้ม
4 ให้เวลา
5ให้ความรู้สึกที่ดีต่อกัน
6 ให้ความช่วยเหลือ
7 ให้ความใกล้ชิด
8 ให้ความจริงใจ
9 ให้ความซื้อสัตย์
10 ให้ความรัก
หวังว่าเพื่อนๆ คงจะจดจำกันได้ครบนะค่ะ เอาไว้ 'ให้' กันตลอดปีตลอดไปไม่จำกัดเทศกาล เพราะเป็นการให้ที่ไม่ต้องลงแรงอะไร แค่ 'ลงใจ' ล้วนๆ อันจะนำมาซึ่ง 'ความสุข' ได้ไม่ยากเย็น
แหล่งที่มา: blog.fukduk.tv

กุ้งผัดไข่เค็ม


ส่วนผสม 1-2 ที่
กุ้งก้ามกราม 300 กรัม
แป้งทอดกรอบละลายด้วยน้ำเล็กน้อย 1 ซอง
กระเทียมสับ 4-5 กลีบ
รากผักชี 2-3 ราก
พริกหวาน 3 สีหั่นชิ้นเล็กอย่างละ 1/2 ลูก
พริกไทยดำ 1/2 ช้อนชา
ซอสพริกหวาน 1 ช้อนชา
ไข่แดงเค็ม 2-3 ฟอง
น้ำตาลปี๊บ 1-2 ช้อนชา
เกลือ 1/2 ช้อนชา
น้ำมันพริกเผา 1 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ
ล้างกุ้งแกะเปลือกผ่าหลังเหลือหัวไว้ แล้วนำไปชุบแป้งให้ทั่วแล้วนำไปทอดจนกรอบพักไว้ โขลกกระเทียม รากผักชีและพริกไทยให้เข้ากันแล้วนำไปผัดกับน้ำมันพริกเผาพอหอม
ใส่ไข่แดงโดยบี้ให้ไข่ไม่จับเป็นก้อน แล้วใส่พริกหวานและกุ้งทอดลงผัดให้เข้ากันอีกครั้ง ปรุงรสต่างๆ ตามชอบด้วยซอสพริกหวาน เกลือ และน้ำตาลปี๊บ ชิมรสอีกครั้งพร้อมเสิร์ฟ
เวลาในการปรุง 15 นาที

มันฝรั่งอบชีส


ส่วนผสมสำหรับ 1-2 ที่
มันฝรั่งขาวนอก 300 กรัม
มะเขือเทศสับหยาบ 1 ช้อนโต๊ะ
หัวหอมใหญ่สับละเอียด 1 ช้อนโต๊ะ
เบคอนสับหยาบ 30 กรัม
เชดด้าชีสขูด 70 กรัม
มอสเซลเลล่าขูด 50 กรัม
ต้นหอมซอย 1 ช้อนโต๊ะ
เกลือและพริกไทยตามชอบ
วิธีทำ
ใส่เบคอน มะเขือเทศ หัวหอมใหญ่ และต้นหอมลงในถ้วยผสม แต่งรสด้วยเกลือและพริกไทยเคล้าให้เข้ากัน พักไว้ ล้างทำความสะอาดมันฝรั่ง นำไปต้มให้สุกตักขึ้นแช่ในน้ำเย็น
จากนั้นนำมาผ่าครึ่งแต่ไม่ให้ขาดจากกัน แล้วนำวางลงในถาด ตักเบคอนที่พักไว้ใส่ลงตรงกลางแต่งหน้าด้วยชีสขูดทั้งสองชนิดให้ทั่ว นำไปอบอีกครั้งจนชีสละลาย พร้อมเสิร์ฟ
เวลาในการปรุง 25 นาที

มีสัตว์เลี้ยงในห้องนอน...อันตรายต่อสุขภาพ

นอนร่วมกับหมาคุณอาจติดเชื้อโรคจากมันได้
จากการศึกษาของนักวิชาการทางการแพทย์ในประเทศเยอรมนี พบว่า หากให้น้องหมาอยู่บนเตียงเดียวกับเด็กๆ จะทำให้เด็กป่วยด้วยโรคระบบทางเดินหายใจได้ เช่น นอนกรน ทั้งนี้ คาร์ล ฟรังคลิน จากมหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์ Umea และผู้ร่วมงานได้ทำการสอบถามชาวสแกนดิเนเวียนที่เป็นโรคนอนกรน พบว่า 18% ของพวกเขานอนกรนอย่างน้อยที่สุดสัปดาห์ละ 3 คืน โดยพวกเขาบอกว่า เคยมีสัตว์เลี้ยงในห้องนอนในช่วงวัยเด็กและพวกเขาก็เคยเป็นโรคติดเชื้อก่อนอายุ 2 ขวบ หรือเป็นโรคติดเชื้อในหู หรือบางคนก็เติบโตกับพี่น้องหลายคน ซึ่งแพทย์คาดว่าสาเหตุน่าจะเป็นเพราะเชื้อโรคจากสัตว์เลี้ยงทำให้ระบบทางเดินหายใจขอคนอักเสบและแปรเปลี่ยนเป็นโรคนอนกรน
นอกจากนี้ นักวิจัยด้านการนอนหลับยังกล่าวว่า ในผู้ใหญ่ที่นอนร่วมเตียงเดียวกับสัตว์เลี้ยงก็มีผลกระทบกับการนอนหลับลึกเพราะความต้องการในการนอนหลับของคนและสัตว์ไม่ประสานกัน นั่นคือ น้องเหมียวมักตื่นตัวในตอนกลางคืนและชอบไปนอนบนศีรษะของคน ส่วนน้องหมาชอบย้ายที่นอนในตอนกลางคืนบ่อย ดื่มน้ำหรือเดินไปมา และ 20% ของน้องหมามักนอนกรน และ 10% ของน้องเหมียวก็นอนกรนเช่นกัน หรือหากเป็นสัตว์เลี้ยงที่มีคู่ของมันด้วยก็จะยิ่งซุกซนจนทำให้เจ้าของนอนหลับไม่สนิท

เหตุผล ที่ผู้ชาย... ไม่กล้าบอกรักผู้หญิง

การที่ผู้ชายจะบอกรักผู้หญิง ที่เป็นเพื่อนกันคบกันมานานเป็นเรื่องยาก เพราะว่าอาจจะรู้นิสัยกันดีเลยไม่อยากเสียความเป็นเพื่อนไปหรืออาจจะเป็นเพราะเคยบอกรักมาแล้วครั้งหนึ่ง. . . แต่โดนปฏิเสธรักของเขา
การเจียมตัวของผู้ชายที่คิดว่า . . .ผู้หญิงดีเกินไปสำหรับเขา คบกันเป็นเพื่อนมันก็ดีแล้วได้ไปไหนมาไหนด้วยกัน คอยเป็นห่วงเป็นใยอยู่ห่างๆแต่ไม่กล้าจะเอ่ยปากขอผู้หญิงเป็นแฟน เวลามันเหลือน้อยเต็มทีก่อนที่จะแยกกันไปเรียน หรือแยกกันไปทำงาน เวลาอาจจะน้อยลงกลัวว่าจะเอาความเป็นเพื่อนกลับมาไม่ได้ กลัวจะเสียใจไปตลอดชีวิต
แต่ . . . ก็เสียใจเหมือนกันที่ไมได้บอกรักเป็นเพื่อนก็ดีกว่า เป็นคนรู้จัก ยังได้คุยกันบางเวลาแค่เห็นรอยยิ้มของผู้หญิงที่เรารัก ก็ทำให้เรามีความสุขเกินจะบรรยายถึง บางทีเดินใกล้ๆ ก็แทบจะระเหย
จริงๆ แล้วจำเป็นด้วยหรือ?ที่ผู้ชายต้องบอกรักผู้หญิงเสมอไป . . .
ถ้าบอกไปแล้วผู้หญิงไม่ได้รัก ทำยังไงล่ะ?ความเป็นเพื่อนก็จะหายไป แล้วเวลาก็เหลือน้อยลงดังนั้น ผู้ชายบางคนจึงเลือกที่จะไม่บอกรักเพียงเพื่อรักษาความเป็นเพื่อนให้คงอยู่มากกว่า

มันก็จริงนะคะ ถ้าบางทีเรารู้ตัวว่าเค้าชอบเราอยู่ ก็อาจจะเปิดเผยตัวนิดๆก็ได้ค่ะ ผู้ชายเค้าจะได้กล้าพูด จริงไหมคะ ^-^
ขอขอบคุณข้อมูลจาก : sakid.com

อนาคตการ “อ่าน“ ของคนไทย จะเพิ่มขึ้นจริงหรือ!


จากการที่มีเทคโนโลยี e-Book ได้สร้างกระแสความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างมากในปัจจุบัน ประกอบกับราคา e-Reader ที่มีแนวโน้มว่าจะถูกลงเรื่อย ๆ ส่งผลให้หนังสืออิเล็กทรอนิกส์มีการขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาทีมงานการศึกษาวันนี้มีโอกาสได้เข้าร่วมแถล่งข่าว "อุตสาหกรรมสำนักพิมพ์และการอ่านในสังคมไทย" กับสมาคมผู้จัดพิมพ์และผู้จำหน่ายหนังสือแห่งประเทศไทย (ส।พ.จ.ท.)

เนื้อหาในการแถลงข่าวที่น่าสะดุดใจทีมงานคือวงการหนังสือถึงขั้นวิกฤตแล้วจริง ๆ หรือ เมื่อตัวเลขดัชนีการอ่านพบว่า สถานการณ์การอ่านของคนไทยเมื่อเปรียบเทียบกับประเทศอื่น ๆ ประเทศไทยมีปริมาณการอ่านต่ำกว่าประเทศอื่นมากโดยเฉพาะเมื่อเทียบกับกลุ่มประเทศอาเซียนด้วยกันแล้วอย่างเช่น ประเทศเวียดนาม มีปริมาณการอ่านเฉลี่ย 60 เล่มต่อปี ประเทศสิงคโปร์ 40-60 เล่มต่อปี ประเทศมาเลเซีย 40 เล่นต่อปี ประเทศญี่ปุ่น 50 เล่มต่อปี ประเทศเกาหลีใต้ 52.2 เล่มต่อปี ประเทศสาธารณรัฐเช็ค 16 เล่มต่อปี และประเทศไทย 94 นาทีต่อวัน(ปี 2552) ในขณะที่รัฐบาลมีนโยบายที่จะเพิ่มการอ่านเป็น 10 เล่มต่อปีในปี २५५५

จากข้อมูลข้างต้นจะเห็นได้ว่าประเทศพัฒนาแล้วในภูมิภาคเอเชีย เช่น ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ จะมีอัตราการรู้หนังสือของประชากรผู้ใหญ่ที่ค่อนข้างสูงมาก ดังนั้นรัฐบาลของไทยเราจึงควรมีการกำหนดเป้าหมายที่ชัดเจนในการส่งเสริมให้คนไทยรักการอ่านหนังสือเพิ่มขึ้น

นางริสรวล อร่ามเจริญ นายกสมาคมผู้จัดพิมพ์และจำหน่ายหนังสือแห่งประเทศไทย กล่าวว่า "จากการที่มีเทคโนโลยี e-Book ได้สร้างกระแสความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างมากในปัจจุบัน ประกอบกับราคา e-Reader ที่มีแนวโน้มว่าจะถูกลงเรื่อย ๆ ส่งผลให้หนังสืออิเล็กทรอนิกส์มีการขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่จากการสอบถามของผู้เข้าร่วมชมมหกรรมหนังสือระดับชาติครั้งที่ 15 เมื่อเดือนตุลาคมปีที่ผ่านมาจำนวน 1,316 ราย หรือร้อยละ 3।0 จากผู้ตอบคำถามทั้งหมดชอบอ่านหนังสือจากอินเทอร์เน็ต หรือ e-Book และผู้เข้าชมงานจำนวนถึง 1,071 ราย หรือร้อยละ 81.4 จากผู้ที่ตอบแบบสอบถามทั้งหมดที่ยังไม่มี e-Reader แม้จะไม่สามารถคาดการณ์ได้ว่า ทัศนคติของผู้อ่านไทยจะให้ความสนใจ e-Book มากขึ้นหรือไม่เพียงใด เราก็ควรจัดให้มีการอบรมพัฒนาความรู้ความสามารถส่งเสริมชุมชนและสังคมในระดับท้องที่ ให้มีความเข้าใจและทราบถึงความสำคัญของการอ่าน ตลอดจนอบรมวิธีการและแนวคิดในการสนับสนุนให้ชุมชนของประเทศมีการจัดกิจกรรมด้านการอ่านอย่างต่อเนื่อง เพื่อเพิ่มจำนวนผู้อ่านหนังสือให้มากขึ้นในอนาคต "

ด้าน "ปุ้ย" พิมลวรรณ ศุภยางค์ พิธีกรรายการผู้หญิงถึงผู้หญิง เข้าร่วมพูดคุยในงานเปิดตัวสำนักพิมพ์น้องใหม่ ภายใต้หัวข้อ "อ่านนิทานให้ลูกฟังตั้งแต่เล็ก ช่วยเด็กคิดเป็น แก้ปัญหาได้ " พูดถึงวิธีการเลี้ยงลูกให้รักการอ่านว่า " พ่อแม่ต้องพร้อมทั้งในเรื่องการดูแลจิตใจและความรู้สึกด้วย ไม่ใช่แค่ตั้งหน้าทำงานหาเงิน เพราะจิตใจเป็นเรื่องสำคัญมากกว่าสิ่งใด พ่อแม่ควรมีกลยุทธ์และเทคนิค เพื่อทำให้เด็กรู้สึกอยากเล่าเรื่องต่าง ๆ ให้ฟัง สิ่งสำคัญคือปล่อยให้เขามีโอกาสได้คิดและเลือกทำสิ่งต่าง ๆ ด้วยตัวเอง โดยพยายามเข้าใจและสนับสนุนในสิ่งที่เขาชอบและมีประโยชน์ เช่น ส่งเสริมการอ่านหนังสือ เขาจะได้คิดตามในสิ่งที่ได้อ่านและนำไปปรับใช้กับชีวิตประจำวันของตัวเอง เป็นผลพวงที่ได้จากการอ่านที่พ่อแม่น่าจะสนับสนุนการอ่านของเด็กให้มากขึ้น "

วันอาทิตย์ที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

ออกกำลังกาย ช่วยเพิ่มพื้นที่ในการจดจำ


การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ 1 ปี สามารถเพิ่มพื้นที่ส่วนความจำในสมองได้

คนที่อายุประมาณ 55 ปีขึ้นไปนั้น มักจำเริ่มมีปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพ โรคภัยไข้เจ็บก็จะแวะเวียนเข้ามาถามหาอย่างไม่ขาดสาย รวมไปถึงอาการหลงลืมบ้างซึ่งเป็นไปตามวัยของผู้สูงอายุ ปัจจุบันมีการศึกษาวิจัยค้นพบว่า การออกกำลังกายจะทำให้ความสามารถในการจดจำดีขึ้น

การศึกษาในครั้งนี้ เกิดขึ้นโดยนักวิจัยจาก University of Pittsburgh, University of Illinois, Rice University, และ Ohio State University ซึ่งผลที่ได้จากการศึกษานับว่าเป็นสิ่งที่น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง มันแสดงให้เห็นว่า ในผู้สูงอายุที่มีการใช้เวลาเพียงเล็กน้อยต่อวันไปกับการออกกำลังกายโดยที่มีการทำอย่างสม่ำเสมอ สุขภาพและหน่วยความจำของสมองจะดีขึ้น โดยการออกกำลังกายนั้น จะช่วยเพิ่มพื้นที่ในส่วน Hippocampus ของสมอง ซึ่งเป็นส่วนที่มีบทบาทสำคัญในการสร้างความทรงจำระยะยาว

สำหรับการศึกษาทดลอง นักวิจัยได้คัดเลือกผู้สูงอายุมาจำนวน 120 คนที่ไม่ได้เป็นโรคสมองเสื่อมหรือมีปัญหาเกี่ยวกับระบบสมอง ทำการสุ่มแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม โดยกลุ่มแรกให้ออกกำลังกายโดยการเดินหรือแอโรบิกเป็นเวลา 40 นาทีต่อวันอย่างสม่ำเสมอสัปดาห์ละ 3 วัน และอีกกลุ่มนั้นโดนจำกัดให้มีการเคลื่อนไหวบิดตัวแค่ยืดกล้ามเนื้อเล็กๆน้อยๆและการออกกำลังกายทั่วๆไปเท่านั้น

ผลการศึกษาพบว่ากลุ่มที่มีการออกกำลังกายแบบแอโรบิกนั้น แสดงให้เห็นถึงการเพิ่มขึ้นของพื้นที่ส่วน Hippocampus ในสมอง ทั้งข้างซ้ายและข้างขวา ร้อยละ 2.12 และ 1.97 ตามลำดับ ซึ่งในพื้นที่ของสมองส่วนเดียวกันของผู้ที่แค่บิดตัวยืดกล้ามเนื้อ กลับมีการลดลงในปริมาณร้อยละ 1.40 และ 1.43 ตามลำดับ
การเสื่อมลงของพื้นที่ส่วน Hippocampus สมองของคนเรา นับว่าเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงให้เกิดขึ้นไม่ได้ แต่การศึกษาวิจัยครั้งนี้ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอในระดับที่พอดีๆเป็นเวลา 1 ปีนั้น จะสามารถเพิ่มขนาดของพื้นที่ในการสร้างหน่วยความจำนี้ได้อย่างแท้จริง

การออกกำลังกาย นอกจากจะทำให้สุขภาพร่างกายแข็งแรงแล้ว ยังจะมีผลทำให้จิตใจแจ่มใส อีกทั้งยังมีผลดีทางอ้อม คือทำให้ผู้สูงอายุมีการทรงตัวที่ดีขึ้น ลดอุบัติการณ์การลื่นล้มซึ่งเป็นสาเหตุของกระดูกหักได้อีกด้วย การออกกำลังกายในผู้สูงอายุ ควรเป็นการออกกำลังกายที่ใช้กล้ามเนื้อมัดใหญ่ๆ เช่นการวิ่งเหยาะๆ (ในกรณีที่ไม่มีข้อเข่าเสื่อม) การเดิน การเต้นแอโรบิก หรือการรำมวยจีน เป็นต้น