วันอาทิตย์ที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2554

ประโยชน์ของถั่วงอก

ว่ากันว่า "ถั่วงอก" นั้น ถือได้ว่าเป็นมรดกวัฒนธรรมอาหารของเอเชียเลยเชียว ประเทศแรกในโลกที่เพาะถั่วงอกหัวโตกินก็คือ จีน มีหลักฐานแสดงว่าจีนกินถั่วงอกมาตั้งแต่ 2,930 ปีก่อนคริสตกาล คนจีนโบราณใช้ถั่วเหลืองงอกเป็นแหล่งวิตามินซีในฤดูหนาวที่ผักและผลไม้หายาก โดยเฉพาะกะลาสีเรือจะเพาะถั่วงอกกินในเรือเพื่อป้องกันและรักษาโรคลักปิด ลักเปิด เป็นอันรู้กันว่าถั่วเหลืองงอกมีวิตามินซี ส่วนถั่วเหลืองดิบ และเต้าหู้ที่ผลิตจากถั่วเหลืองก็หามีวิตามินซีไม่

เมื่อนำถั่วเหลืองมาเพาะเป็นถั่วงอกจะมีวิตามินซีสูง (ถั่วงอก 100 กรัม มีวิตามินซี 5 มิลลิกรัม) ส่วนโปรตีนในถั่วงอกมีมากกว่าถั่วธรรมดาเล็กน้อยนอกจากนั้นการงอกยังทำให้ เกิดวิตามินบี 12 ซึ่งจำเป็นสำหรับการเติบโตและซ่อมแซมเซลล์ ถั่วงอกมีธาตุเหล็กที่ร่างกายย่อยได้ง่ายกว่าผักอื่นๆ มีวิตามินบี 17 และมีสารเลซิธิน (Lecithin) ช่วยบำรุงประสาทและการทำงานของสมอง ที่สำคัญและน่าสนใจสุดๆ สำหรับหนุ่มสาวที่ไม่อยากแก่ ถั่วงอกสดๆ มีพลังชีวิตซึ่งทำให้ร่างกายสดชื่น ไม่แก่เร็ว เนื่องจากในถั่วงอกมีสารต้านความแก่ชื่อ ออซินอน (Auxinon) มีคุณสมบัติช่วงให้ร่างกายเป็นหนุ่มสาวได้นาน ไม่แก่เกินวัยไปก่อนจะถึงเวลาอันควร

ถั่วงอกเป็นแหล่งวิตามิน การแพทย์จีนจึงนำถั่วงอกหัวโตไปต้มแกงจืดกิน ช่วยขับเสมหะ ทำให้ปอดโล่ง และขับปัสสาวะ และเนื่องจากโมเลกุลของสารอาหารในเมล็ดของถั่วที่งอกได้เปลี่ยนแปลงไปอยู่ใน ลักษณะที่ร่างกายเราสามารถย่อยได้ง่าย โปรตีนถูกย่อยเป็นกรดอะมิโน แป้งเป็นคาร์โบไฮเดรตธรรมดาหรือกลูโคส และไขมันเป็นกรดไขมันเรียบร้อยแล้วถั่วงอกจึงเป็นอาหารที่ย่อยง่ายมากๆ เมื่อเรารับประทานจึงเท่ากับช่วยประหยัดการทำงานให้กับระบบย่อยอาหาร ลดของเสียและสิ่งตกค้าง (toxin)ในร่างกาย เมื่อระบบร่างกายไม่ต้องทำงานหนักเกินไป ร่างกายจึงเสื่อมช้า ไม่แก่เร็ว

ขอขอบคุณข้อมูลจาก : หนังสือพิมพ์ดิจิตอล Investor Station

14 คำคมเพื่อชีวิต

1. ศัตรูที่น่าสะพรึงกลัวที่สุดในชีวิตเรา ก็คือ ตัวเราเอง

2. ความล้มเหลวที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตเรา ก็คือ ความอวดดี

3. การกระทำที่โง่เขลาที่สุดในชีวิตเรา ก็คือ การหลอกลวง

4. สิ่งที่แสนสาหัสที่สุดในชีวิตเรา ก็คือ ความอิจฉาริษยา

5. ความผิดพลาดที่มหันต์ที่สุด ก็คือ การยอมแพ้ตัวเอง

6. สิ่งที่เป็นอกุศลที่สุดในชีวิตเรา ก็คือ การหลอกตัวเอง

7. สิ่งที่น่าสังเวชที่สุดในชีวิตของเรา ก็คือ ความถดถอยของตัวเอง

8. สิ่งที่น่าสรรเสริญที่สุดในชีวิตเรา ก็คือ ความอุตสาหะ วิริยะ

9. ความล้มละลายที่สุดในชีวิตเรา ก็คือ ความสิ้นหวัง

10. ทรัพย์สมบัติที่มีค่าที่สุดในชีวิตเรา ก็คือ สุขภาพที่สมบูรณ

11. หนี้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตเรา ก็คือ หนี้บุญคุณ

12. ของขวัญที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตเรา ก็คือ การให้อภัยและความเมตตากรุณา

13. ข้อบกพร่องที่ใหญ่หลวงที่สุดในชีวิตเรา ก็คือ การมองโลกในแง่ร้ายและไร้เหตุผล

14. สิ่งที่ทำให้อิ่มอกอิ่มใจที่สุดในชีวิตเรา ก็คือ การให้ทาน

ประโยชน์หลากหลายของยาสีฟัน


1. ขจัดคราบเลอะดินสอสีเทียน - ยาสีฟันแบบที่ไม่ใช่เจล บีบเล็กน้อยทาบนคราบเปื้อน แล้วใช้ผ้านุ่มๆ ถูลบรอย จากนั้นซักออกด้วยน้ำอุ่น

2. ขจัดกลิ่นติดมือ - ลองใช้ยาสีฟันล้างแทนสบู่ ตามซอกเล็บ กลิ่นคาว กลิ่นกระเทียม กลิ่นอาหารสด จะหมดไป

3. ขัดรองเท้าผ้าใบให้เหมือนใหม่ - ใช้ยาสีฟันทาลงบนรองเท้าผ้าใบ ในบริเวณที่เป็นยาง แล้วใช้แปรงสีฟันเก่าขัดออก รองเท้าที่ดูเก่าๆ ก็จะใหม่กิ๊ก

4. ขัดแผ่นซีดี - บีบยาสีฟันลงบนก้อนสำลี เช็ดลงบนแผ่นจากจุดกึ่งกลางออกไปด้านนอก ให้ทั่วแผ่น เน้นบริเวณที่เป็นรอยขีดข่วน ล้างแผ่นด้วยน้ำสะอาดเช็ดด้วยผ้าที่ใช้เช็ดแว่น หรือผ้าอเนกประสงค์ที่ไม่เหลือคราบน้ำ รอยขีดข่วนบนแผ่นจะหายไป

5. ล้างแว่นตาดำน้ำ - ทายาสีฟันบนกระจกด้านในของ แว่นตาดำน้ำ แล้วเช็ดออก จะทำให้แว่นใสปิ๊ง ไม่เป็นฝ้า

7 เทคนิคเรียนเก่ง จากหนูดี

ข้อที่ 1 : พกปากกาสี 12 สี ติดตัวทฤษฎีสี กล่าวไว้ ว่า สีจะสามารถเพิ่มการจดจำเนื้อหาต่าง ๆ ได้มากกว่า สีน้ำเงินที่เขียนตามปกติ จึงควรซื้อปากกาสีต่าง ๆ ติดตัวไว้ เวลาอ่านหนังสือก็ใช้ปากกาสีในการจดเนื้อหา ของ stabio ก็ดีนะ ทนหลายปีเลย* สำหรับคนที่กลัวว่าจะจดไม่ทันก็ใช้วิธีจดเฉพาะเนื้อหาสำคัญพร้อมกับบันทึกเสียงไปพร้อม ๆ กัน แค่นี้ก้อสามารถจดจำได้แล้วล่ะ

ข้อที่ 2 : ใช้สมุด note ที่ไม่มีเส้นการใช้สมุด note ที่มีลายเส้นนั้นเหมือนเราอยู่แต่ในกรอบเส้นนั้น แต่ถ้าใช้สมุด note ที่ไม่มีเส้นนั้นจะทำให้เราไม่มีกรอบในการเขียน เราอยากเขียนอะไรก็อยากเขียนได้ทั้งนั้น ปัจจุบันหาซื้อยาก ต้องลองหาแถว ร้านขายสมุดวาดรูปดูน่ะ

ข้อที่ 3 : บันทึกงานออกมาในรูป Mind Map Or Pic. ถ้าเราอ่านหนังสือการ์ตูนตั้งแต่ 2 ปีที่แล้ว กับอ่านหนังสือ เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เราจะสามารถจดจำการ์ตูนได้มากกว่า เวลาจดเนื้อหาบางอย่างอาจจะจดในรูปแบบ Pic. จะสามารถจดจำได้มากกว่าการบันทึกงานในรูปแบบของ mind Map จะเป็นการแบ่งเรื่องหัวข้อใหญ่ต่าง ๆ เพื่อใช้ในการอ่าน อาจใช้ mind map เป็นรูปก็ได้

ข้อที่ 4 : Mp3เราควรจะมี mp3 เพื่อใช้ในการบันทักเสียงเวลาที่คุณครูสอนแต่ไม่สามารถฟังและเก็บเกี่ยวเนื้อหาได้ครบทุกอย่างหากเราอัดไว้ก็จะสามารถย้อนกลับไปฟังได้ หลาย ๆ ครั้ง ก่อนสอบ

ข้อที่ 5 : เอาใจครูเอาใจครู ในที่นี้ไม่ได้หมายถึงเอาอกเอาใจครู หมายถึง ทำตัวตามสไตร์ที่คุณครูชอบ เพื่อเพิ่มความชอบของคุณครูในตนเองเวลาเราชอบครูคนไหนก็อยากเรียนกับครูคนนั้น อยากส่งงาน ครู อยากเจอหน้าครู ก็จะทำให้เรียนเก่งยิ่งขึ้น เพราะเราอยากเรียนวิชานั้น ๆ

ข้อที่ 6 : พูดคุยกับปากกาก่อนสอบ หรือก่อนเขียนงานเราควรพูดคุยกับปากกาบ้าง คุณหนูดี ก็ใช้วิธีนี้จนเรียนจบปริญญา

ข้อที่ 7 : นั่งหน้าห้อง นั่งหน้าห้องจะสามารถทำให้เราได้ยินมากกว่าคนที่นั่งข้างหลังเรา เห็นชัดกว่าคนข้างหลังเราและสามารถถามครูได้มากกว่า ซึ่งมันเป็นที่แน่นอนอยู่แล้ว


ขอบคุณข้อมูลจาก http://blog.spu.ac.th/
เขียนโดย pornphanh.

ทำพิซซ่ากินเองง่ายๆ ภายใน 10 นาที

พิซซ่าทำง่ายกว่าที่คิด....บทสรุปเมื่อได้เห็นคุณเมกุมิลงมือนวดแป้งไปมา ประเดี๋ยวเดียวก็ได้แป้งพิซซ่าจับใส่เตาอบ หันซ้ายหันขวาหยิบโน่นนี้มาผสมก็สำเร็จเป็นพิซซ่าร้อนๆ มาวางตรงหน้า เธอว่าสูตรนี้ได้ไอเดียจากแบบนโปลีเพราะไม่ใส่ชีส และเลือกใช้ของที่มีอยู่ในครัวมาปรุงให้ง่าย และคงความเฮลท์ตี้ไว้ไม่เปลี่ยน แต่ถ้าใครสนใจใส่ชีสหรือปรับหน้าพิซซ่าตามสไตล์ก็ไม่ว่ากันค่ะ ว่างๆลองทำดูแล้วจะรู้ว่าพิซซ่าง่ายกว่าที่คิดจริง!! แถมอร่อยทันใจไวกว่ายกหูโทรศัพท์อีกนะจะบอกให้


Healthy Pizza

ส่วนผสม (สำหรับถาดขนาด 22 ซ.ม. 1ถาด )เวลาเตรียม 10 นาที ปรุง10 นาที (ไม่รวมเวลาอบ)

ส่วนผสมแป้งพิซซ่า

แป้งสาลีอเนกประสงค์ 100 กรัม

เบคกิ้งโซดา 2 กรัม

เกลือ ½ ช้อนชา

น้ำมันมะกอก ½ ช้อนโต๊ะ

น้ำร้อน 5 ช้อนโต๊ะ

ส่วนผสมซอสพิซซ่า

ซอสมะเขือเทศ 4 ช้อนโต๊ะ

น้ำมันมะกอก 2 ช้อนโต๊ะ

น้ำปลา ½ ช้อนโต๊ะ


ส่วนผสมหน้าพิซซ่า

ซูกินี 1 ผล

พริกหวานสีเหลืองและสีแดงอย่างละ ¼ ผล

เห็ดแชมปิญอง 2 ลูก

น้ำมันมะกอก 2 ช้อนโต๊ะ

พริกขี้หนูซอย 1 เม็ด

โหระพา

เกลือพริกไทยเล็กน้อย

มะกอกดำตามชอบ

วิธีทำ


1.เริ่มทำแป้งพิซซ่าโดย ผสมแป้ง เบกกิ้งโซดาและเกลือลงอ่างผสม ให้เข้ากัน

2.ทำหลุมตรงกลางภาชนะ ใส่น้ำมันมะกอกและน้ำร้อน นวดให้เข้ากันประมาณ 1 นาที

3.วางแป้งที่ได้ลงบนกระดาษสำหรับอบ ใช้ไม้คลึงให้เป็นแผ่นกลมเส้นผ่าศูนย์กลาง 22 เซนติเมตร ใช้ส้อมจิ้มให้ทั่ว ก่อนเข้าอบที่อุณหภูมิ 180 องศาเซลเซียส 10 นาที

4. ทำซอสพิซซ่าโดยผสมส่วนผสมซอสพิซซ่าให้เข้ากัน

5. หั่นซูกินี พริกหวาน และเห็ดให้พอดีคำ นำลงผัดเร็วๆกับเกลือและพริกไทย

6.เมื่อแป้งสุกนำออกจากเตา ทาซอสพิซซ่าและวางผักที่ผัดไว้ให้ทั่ว โรยพริกขี้หนู มะกอก แล้วนำเข้าอบอีกสักครู่พร้อมเสริ์ฟรับประทานร้อนๆ