วันพฤหัสบดีที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2554

ไทยติดอันดับ 37 ประเทศเสี่ยงภัยพิบัติทางธรรมชาติ


ไทยติด อันดับที่ 37 ประเทศเสี่ยงภัยธรรมชาติมากที่สุด เตือนนักลงทุนควรศึกษาบทเรียนจากสถานการณ์น้ำท่วมใหญ่ที่เกิดขึ้นปัจจุบัน

บริษัทวิเคราะห์ความเสี่ยง เมเปิลครอฟท์ ทำการจัดอันดับ 200 ประเทศเสี่ยงภัยจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศระยะปานกลาง พบ 10 ประเทศที่มีความเสี่ยงมากที่สุด ได้แก่ เฮติ บังกลาเทศ เซียร์ราลีโอน ซิมบับเว มาดากัสการ์ กัมพูชา โมซัมบิก สาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก มาลาวี และฟิลิปปินส์ ขณะที่ไทยติดอันดับความเสี่ยงที่ 37 และประเทศที่มีความเสี่ยงน้อยที่สุดคือ ไอซ์แลนด์

โดยการสำรวจครั้งนี้ยังพบ 6 เมือง ที่เสี่ยงภัยต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศมากที่สุดได้แก่ เมืองกัลกัตตา ของอินเดีย กรุงมะนิลา ของฟิลิปปินส์ กรุงจาการ์ตา ของอินโดนีเซีย กรุงธากา และเมืองจิตตะกอง ของบังกลาเทศ กรุงแอดดิสอาบาบา ของเอธิโอเปีย ทั้งนี้เกิดจากรัฐบาลที่ไร้ประสิทธิภาพ มีการทุจริต ความยากจน และปัจจัยทางเศรษฐกิจ ที่เพิ่มความเสี่ยงให้แก่ชาวเมืองและภาคธุรกิจ ทำให้ไม่สามารถแก้ไขภัยพิบัติที่จะเกิดขึ้นได้

ในส่วนของประเทศไทย ถูกกล่าวถึงว่า เป็นอีกประเทศที่เศรษฐกิจขยายตัวอย่างรวดเร็วและกำลังเผชิญกับภัยพิบัติจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ผู้ประกอบธุรกิจเกี่ยวกับห่วงโซ่ อุปทานระดับโลก และนักลงทุนควรศึกษาบทเรียน จากสถานการณ์น้ำท่วมใหญ่ที่เกิดขึ้นในไทยขณะนี้

วันพุธที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2554

สุขาใช้ง่าย สบายก้น กับวิธีป้องกันน้ำทะลักจากส้วม

ห้องน้ำ

จากสภาวะน้ำท่วมที่กำลังวิกฤคิในขณะนี้ ... หลายพื้นที่ในหลายจังหวัดต่างต้องจมอยู่ใต้บาดาล โดยที่ไม่สามารถคาดการณ์ได้ว่า เมื่อไรสถานการณ์เลวร้ายเช่นนี้จะผ่านพ้นไปสักที ชาวบ้านบางคนต้องอพยพออกจากบ้านไปยังศูนย์อพยพต่างๆ เพราะน้ำท่วมสูงมิดหลังคาจนไม่สามารถอาศัยอยู่ได้ ส่วนชาวบ้านบางคนก็ติดอยู่บนชั้นสอง รอความช่วยเหลือจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง...

วันนี้กระปุกดอทคอมขอนำเอาวิธีง่ายๆ ของคนกรุงเทพตะวันออก บอกกล่าว "ในการสร้างส้วมฉุกเฉิน และวิธีกันน้ำทะลักจากชักโครก" มาฝากกันค่ะ


สาขาฉุกเฉิน สบายกัน

วิธีทำ

ขั้นตอนแรก ต้องปิดวาล์วน้ำเสียก่อน ป้องกันการทะลักของน้ำ

ตักน้ำในชักโครกออก

ยกฝารองนั่งขุ้น นำถุงดำใส่ลงไปแล้วปิดฝารองนั่ง โดยให้ฝารองนั่งทับถุงดำไว้ จากนั้นพอทำธุระเสร็จก็รวบแล้วมัดปากถุงให้แน่น




วิธีป้องกันน้ำทะลักมาจากชักโครก

วิธีทำ

หาวิธีอุดน้ำที่จะเข้ามาทางชักโครก อาขขะใ้ทราย ดินน้ำมัน ดินเหนียว หรืออื่นๆ ใส่เข้าไปในโถ (ตามรูป) แล้วเหยียบอัดเข้าไปแน่นๆ แต่ทั้งนี้ก็ต้องเผื่อตอนี่ดึงออกมาด้วย อย่าเหยียบจนลึกเกินไปจนเอาออกไม่ได้

ตักน้ำในชักโครกออก

หาเสื้อตัวใหญ่ๆ ที่ไม่ได้ใช้ มัดแขน ปิดคอให้แน่นๆ จากนั้นใส่ทรายเข้าไปให้เต็มแล้ววางับลงไปอีกชั้นหนึ่ง พร้อมอุดให้แน่นๆ พยายามอย่าให้มีช่องว่าง




วิธีกันน้ำล้นจากท่อระบายน้ำในห้องน้ำ

วิธีทำ

หาท่อพีวีซี (PVC) ที่มีขนาดเล็กกว่าท่อน้ำทิ้งยาวประมาณ 2 เมตร เสียบลงตรงรูระบายน้ำ

จากนั้นเอาซิลิโคนยางอีดเข้าไป หรือใช้ดินน้ำมันอุด อัดรอบๆ ให้แน่น

เกริ่นนำโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณข้อมูลจาก เฟซบุ๊ก กรุงเทพตะวันออก บอกกล่าว

วันพุธที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2554

10 ตำนานลึกลับของอารยธรรมอียิปต์โบราณ


1 . พระนางคลีโอพัตรา กับรูปโฉมที่แท้จริง

พระนางคลีโอพัตตรา Cleopatra VII นับได้ว่าเป็นผู้ปกครองอียิปต์โบราณที่มีชื่อเสียงมากที่สุด ซึ่งในความรู้สึกนึกคิดของคนทั่วไป เธอคือพระราชินีผู้ทรงเสน่ห์ที่สุด มีรูปโฉมที่งดงาม เพรียบพร้อมไปด้วยกลเม็ดเด็ดพรายในเชิงพิศวาส สามารถมัดใจชายได้อย่างอยู่หมัด แต่แท้ที่จริงแล้ว เสน่ห์ของพระนางคลีดอพัตราไม่ได้อยู่ที่เนื้อหนังสังสาหรือความงดงามแห่งใบหน้าและเรือนกายเลย แต่อยู่ที่สติปัญญาและความเฉลียวฉลาดรู้เท่าทันคนต่างหาก โดยมีหลักฐานชิ้นหนึ่งที่บ่งบอกถึงความจริงเรื่องนี้ ก็คือการค้นพบรูปปั้นส่วนพระเสียรขององค์ราชินีและเหรียญที่มีภาพพระพักตร์ของพระนาง ซึ่งเป้นการค้นพบของนักโบราณคดีรายหนึ่ง

2. ความเชื่อเกี่ยวกับความตาย

ชาวอียิปต์โบราณมีความเชท่อที่ว่า เมื่อคนตาย ดวงวิญญารออกจากร่างไปเพียงชั่วคราว เพื่อเดินทางไปพบกับพระเจ้าในโลกหน้า แล้วจะกลับมาในวันหนึ่งข้างหน้า ทั้งนี้ เมื่อวิญญารกลับมาแล้วก็ต้องมีร่างกายอยู่ และร่างที่จะอาศัยอยู่ได้ต้องเป็นรา่งของตัวเองเท่านั้น และด้วยความเชื่อนี้เองจึงทำให้เกิดวิธีการดูแลศพหรือที่เรารู้จักกันอย่างดีกับการทำ มัมมี่ เพื่อให้ศพยังอยู่ในสภาพที่ดี ไม่เน่าเปื่อยนั่นเอง

3. การปรากฏตัวของเอเลี่ยน

ในทุกวันนี้กระแส เอเลี่ยน หรือมนุษย์ต่างดาว ก็ยังคงมีให้เห็นอยู่อย่างต่อเนื่อง แต่คุณรู้หรือไม่ว่าการปรากฏตัวของเองเลี่ยนมีให้เห็นมาแล้วตั้งแต่สมัยอียิปต์โบราณทีเดียว สิ่งหนึ่งที่ยืนยันในเรื่องนี้ ก็มาจากภาพบนฝาผนังภายในสุสานในเมืองกิซ่า โดยหนึ่งในภาพบนฝาผนังนั้นมีการวาดภาพของเอเลี่ยนปะปนอยู่ด้วย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็ต้องใช้วิจารณญาณในการตัดสินใจด้วย เพราะบางทีภาพๆ นี้ อาจจะเป็นเพียงแค่รูปของสิ่งของอื่นๆ ที่มีลักษณะคล้ายกับเอเลี่ยนเท่านั้นเอง

4. ที่สุดแห่งการค้นพบ

อีกสิ่งหนึ่งที่น้อยคนนักจะนึกถึงและรู้จักเกี่ยวกับประวัติของอียิปต์โบราณก็คือในเรื่องของการค้นพบที่ยิ่งใหญ่ เพราะนอกจากมหาพีระมิดต่างๆ แล้ว ข้อมูลอันล้ำค่าทางประวัติศาสตร์ที่ค้นพบกันนั้นก็คือ เรือ โซล่าร์ Solar Boat หรือเรือแห่งแสงอาทิตย์ที่เชื่อกันว่า จะเป็นพาหนะที่นำพาวิญญาณขององค์กษัตริย์ไปหาเทพเจ้าแห่งแสงอาทิตย์บนสวรรค์ได้ เรือโซล่าร์นี้สร้างขึ้นจากไม่มากกว่า 1200 ชิ้น สันนิษฐานว่าสร้างตั้งแต่ 2500 ปีก่อนคริสตกาลและอาจจะเป็นเพียงเครื่องบูชาพระศพในสุสาน ไม่ได้ไปใช้ล่องในแม่น้ำจริงๆ แต่อย่างใด



5. อักษรภาพอียิปต์โบราณ

อักษรภาพอียิปต์โบราณหรือที่เรียกกันว่า ฮีโรกริฟฟิค Hieroglyphs ถือเป็นอีกสิ่งหนึ่งในความอัศจรรย์ที่เกิดขึ้นบนโลกใบนี้ ความชำนาญทางศิลปหัตถกรรม งานช่าง และการทำหนังสือของชาวอียิปต์โบราณถือเป็นสิ่งที่น่าทึ่งมากๆ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อของพวกเขาที่มีอำนาจและอิทธิพลต่อพิธีกรรมและการดำรงค์ชีวิตอย่างสูง สำหรับอักษรภาพอียิปต์โบราณนี้ เป็นภาพอักษรที่มักจะสลักเรื่องราวเกี่ยวกับองค์ฟาโรห์ ราชวงค์ การเมืองการปกครอง และเรื่องราวทางศาสนา ซึ่งจะมีปรากฏให้เห็นอยู่ตามวิหารและสิ่งก่อสร้างทั้งหลาย โดยแต่ละภาพก็จะมีการสื่อความหมายที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งนี่เองจึงทำให้การค้นพบในครั้งแรกๆ นั้น ก็สร้างความมึนงงให้เหล่านักสำรวจอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว


6. การตกแต่งภายในพีระมิด

นอกจากโครงสร้าง วัสดุ และวิธีการสร้างพีระมิด จะมีความอลังการงานสร้างอย่างยิ่งใหญ่มากๆ แล้ว ภายในของพีระมิดเองยังมีการตกแต่งอยู่อย่างสวยงามตามสมัยอีกด้วย สิ่งหนึ่งที่พบได้ภายในพีระมิด นั่นก็คือ เหล่าบรรดาอักษรภาพฮีโรกริฟฟิคอายุอานามกว่า 4000 ปี ซึ่งช่วยให้พีระมิดที่ค้นพบกันนั้นกลายเป็นสถาปัตยกรรมอันล้ำค่าและมรอายุเก่าแก่มากที่สุดแห่งหนึ่งของโลกใบนี้

7. องค์ฟาโรห์กับการฝังทาสรับใช้

หลังจากการสิ้นพระชนม์ขององค์ฟาโรห์แล้ว เหล่าบรรดาข้าทาสบริวารของพระองค์ไม่ได้ถูกฆ่าหรือโดนฝังทั้งเป็นในสุสานขององค์ฟาโรห์อย่างที่เคยทราบๆ กันแต่อย่างใด เพราะมีหลักฐานทางประวัติศาสตร์ชิ้นหนึ่ง ได้กล่าวไว้ว่า องค์กษัตริย์ฟาโรห์องค์สุดท้ายทรงเล็งเห็นว่า ข้าทาสของพระองค์ยังสามารถทำประโยชน์อื่นๆ ได้มากกว่าการถูกฆ่าหรือฝังไปอย่างเปล่าประโยชน์ และเพื่อไม่ให้เป็นการขัดต่อประเพณีที่มีการสืบต่อกันมาช้านาน พระองค์จึงทรงรับสั่งให้นำ ชับติ Shabti หรือรูปแกะสลักที่ทำจากหลากหลายวัสดุ ทั้ง ขี้ผึ้ง ไม่ ดินเหนียว หิน แก้ว ดินเผา และสัมฤทธิ์ โดยทำหน้าที่เหมือนคนรับใช้ลงไปฝังในสุสานแทนชีวิตของคนเป็นๆ

8. เหล่าทาสคือผู้สร้างพีระมิด

เป็นที่ถงเถียงกันอยู่พอสมควร กับประเด็นที่ว่าด้วยความยิ่งใหญ่ของพีระมิดประกอบกับความที่เทคโนโลยีและหลักการทางวิศวกรรมต่างๆในสมัยนั้นยังไม่น่าจะเจริญเท่าที่ควร ใครคือผู้สร้างพีระมิดกันแน่ และใช้วิธีการใดในการขนย้ายก้อนหินที่มีน้ำหนักมากๆ ขึ้นที่สูงกันได้ ทั้งนี้ จากหลักฐานของนักประวัติศาสตร์ชาวกรีก ได้ระบุเอาไว้ในช่วงศตวรรษที่ 5 ก่อนคริสตกาลที่ว่า เหล่าบรรดาช่างฝีมืออียิปต์มากมายนับหมื่นนับแสนคน คือผู้ที่สร้างพีระมิดอันยิ่งใหญ่ตระการตา ไม่ใช่ทาสอย่างที่ในภาพยนตร์ฮอลลีวู้ดตีความหรือสร้างฉากให้เห็นกันก่อนหน้านี้แต่อย่างใด

9. ชาวอิสราเอลคือทาสของอียิปต์ในยุคนั้น

สิ่งที่เราๆ ท่านๆ ได้เคยเรียนรู้เกี่ยวกับประวัติของอียิปต์นั้น หลักๆ ก็คือเรื่องของการสร้างพิระมิด องค์กษัตริย์ฟาโรห์ และอื่นๆ อีกสารพัด แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น หลายต่อหลายคนคงจะนึกกันไปว่า ทาสรับใช้คงจะเป็นชาวอียิปต์กันแน่ๆ แต่แท้ที่จริงแล้ว เหล่าทาสรับใช้ต่างเป็นชาว ฮิบรู Hebrew หรือชาวอิสราเอลในปัจจุบันนั่นเอง ซึ่งจากคำกล่าวในคัมภีร์ไบเบิลนั้น ได้ระบุไว้ว่า ชาวฮิบรูได้ตกเป็นทาสของอียิปต์นับตั้งแต่ที่องค์กษัตริย์ทำการยึดดินแดนและอาณาจักรต่างๆ เข้ารวมกันเป็นอารยะรรมอียิปต์ ซึ่งนั้นทำให้ชาวฮิบรูต้องมีสถานะเป็นทาส และเป็นเบี้ยล่างให้กับอียิปต์ไปโดยปริยาย




10. คำสาปแช่งขององค์ฟาโรห์

เป็นที่เล่าลือกันว่า ผู้ใดก็ตามที่่มาเปิดหลุมฟังพระศพขององค์ฟาโรห์ตุตันคามุน Pharaoh Tutankhamun จะต้องคำสาปที่นักบวชไอยคุปต์บรรจงสลักไว้ภายในสุสาน ซี่งจะส่งผลให้เกิดอาถรรพ์การเสียชีวิตอย่างน่าพิสวงขึ้น เหมือนอย่างเช่นเหตุการณ์ที่เกินขึ้นกับ ลอร์ด คาร์นาร์วอน Lord Carnarvon กับคณะสำรวจของ โฮเวิร์ด คาร์เตอร์ Howard Carter ที่เขาได้ว่าจ้างให้ทำการสำรวจค้นหาสุสานฟาโรห์ตุตันคามุน ซึ่งผลสุดท้ายแล้ว ทั้งหมดเสียชีวิตไปโดยที่แพทย์ไม่สามารถวินิจฉัยอาการได้เลย




เผย 10 อันดับ สุดยอดแบรนด์สินค้าโลก ปี 2011

สถิติ



อันดับ 1 คือ โคคา โคล่า มูลค่าทรัพย์สิน 71,861 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ
อันดับ 2 คือ ไอบีเอ็ม มูลค่าทรัพย์สิน 69,905 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ
อันดับ 3 คือ ไมโครซอฟท์ มูลค่าทรัพย์สิน 59,087 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ
อันดับ 4 คือ กูเกิ้ล มูลค่าทรัพย์สิน 55,317 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ
อันดับ 5 คือ เจเนอรัล อีเล็คทริก มูลค่าทรัพย์สิน 420,808 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ
อันดับ 6 คือ แม็คดดนัลด์ มูลค่าทรัพย์สิน 35,593 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ
อันดับ 7 คือ อินเทล มูลค่าทรัพย์สิน 35,217 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ
อันดับ 8 คือ แอปเปิ้ล มูลค่าทรัพย์สิน 33,492 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ
อันดับ 9 คือ ดีิสนี่ย์ มูลค่าทรัพย์สิน 29,018 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ
อันดับ 10 คือ ฮิวเล็ตต์ แพ็คคาร์ด มูลค่าทรัพย์สิน 28,479 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ


วันอังคารที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2554

ตลาดร่มหุบ, ตลาดรถไฟ


ตลาดร่มหุบ

ตลาดร่มหุบ หรืออีกชื่อหนึ่งว่า ตลาดแม่กลอง แต่ชาวบ้านมักจะเรียกว่า ตลาดเสี่ยงตายเป็นตลาดที่ติดอยู่กับ สถานีรถไฟแม่กลอง และก็เป็นส่วนหนึ่งของตลาดเทศบาลจังหวัดสมุดสงคราม ตลาดร่มหุบ เริ่มมาตั้งขาย บริเวณทางริม รถไฟประมาณปี พ.ศ. 2527 เป็นตลาดที่อยู่บนทางรถไฟ สายแม่กลอง-บ้านแหลมพ่อค้า-แม่ค้า ตั้งแผงสองข้างทางรถไฟ
ส่วนลูกค้าก็อาศัยทางรถไฟเป็นถนน สำหรับจับจ่ายซื้อของ นักท่องเที่ยวหลายคน ใช้ วิธีท่องเที่ยว โดยการมาขึ้น รถไฟที่สถานีรถไฟบ้านแหลม มายังสถานีรถไฟแม่กลอง ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่ กระจาด กระบุง ตะกร้า จะถูกจัดวางเข้าๆออกๆ
อย่างเป็นระเบียบและรวดเร็วภายในพริบตา รถไฟขบวนนี้เป็น สายสั้น จากสถานีมหาชัยถึงสถานีแม่กลอง เมื่อได้ยินเสียงระฆังหรือธงที่โบกสะบัด จากนายสถานี ก็เริ่มจับตา มอง ต่อความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น เรียกได้ว่าเป็นงานประจำของพ่อค้าแม่ขายทั้งหลายเหล่านี้ แต่เป็นเสน่ห์ และความสนุกสนานของบรรดา นักท่องเที่ยวนั่นเองเมื่อรถไฟผ่านไป ทุกอย่างกลับคืนสู่สภาพเดิม


และถ้าใครอยากมาเที่ยวที่นี่ เพื่อดูร่มหุบแล้วล่ะก็ คงต้องมากันให้ถูกเวลา กำหนดเวลาเดินรถไฟสายแม่กลอง- บ้านแหลม เวลาเข้า-ออก (จำนวน 2 โบกี้)คือ ออก : 6.20 น.,9.00 น. ,11.30 น.,15.30 น. เข้า :8.30 น. 11.10 น.15.30 น. แน่นอนว่าเมื่อมีโอกาสมาตลาดแม่กลองแล้ว อาหารที่ขึ้นชื่อว่าอร่อยติดอันดับนั่นก็คือ ปลาทูหน้างอ คอหัก ที่ต้องบอกว่าอร่อยที่สุด โดยเฉพาะหน้าหนาว

ผู้พบภูมิคุ้มกันมนุษย์ใหม่ คว้าโนเบลแพทยศาสตร์


ผู้พบภูมิคุ้มกันมนุษย์ใหม่ คว้าโนเบลแพทยศาสตร์ (ไทยโพสต์)
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก vixra.files.wordpress.com

รางวัลโนเบลสาขาการแพทย์ ประจำปี 2554 ตกเป็นของ 3 นักวิทยาศาสตร์ผู้ค้นพบความลับใหม่ของระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายมนุษย์ ที่สามารถช่วยต้านเนื้องอกและมะเร็งร้ายได้

สถาบันแคโรลินสกาแห่งประเทศสวีเดน ประกาศมอบรางวัลโนเบลสาขาการแพทย์แก่นักวิทยาศาสตร์ชาวสหรัฐ "บรูซ บิวต์เลอร์" และนักวิทยาศาสตร์ชาวฝรั่งเศสเชื้อสายลักเซมเบิร์ก "ฌูเลส์ ฮอฟฟ์แมนน์" และชาวสหรัฐเชื้อสายแคนาดา "ราล์ฟ สไตน์แมน"

สถาบันชี้แจงว่า ผู้ได้รับรางวัลโนเบลปีนี้ปฏิวัติความเข้าใจด้านการแพทย์ ผ่านการค้นพบเซลล์ภูมิคุ้มกันที่เป็นกุญแจสำคัญของระบบภูมิคุ้มกันทั้งหมด ของร่างกายมนุษย์ บิวต์เลอร์ และฮอฟฟ์แมนน์ ได้รับรางวัลครึ่งหนึ่งจากทั้งหมด 1.46 ล้านเหรียญสหรัฐ ส่วนสไตน์แมนรับอีกครึ่งหนึ่งที่เหลือ งานของนักวิทยาศาสตร์ทั้ง 3 มีความสำคัญต่อความเข้าใจ และการพัฒนาระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายมนุษย์ เพื่อต่อต้านโรคร้ายต่างๆ ไปจนถึงการรักษาโรคมะเร็ง งานวิจัยของทั้งสามยังช่วยวางรากฐานการแพทย์แผนใหม่ ที่ใช้ "วัคซีนบำบัด" กระตุ้นให้ภูมิคุ้มกันในร่างกายกำจัดเซลล์เนื้องอก

นอกจากนี้ การทำความเข้าใจระบบภูมิคุ้มกันอันซับซ้อนของร่างกายมนุษย์ สามารถนำมาปรับใช้เพื่อทำความเข้าใจอาการของโรคอักเสบตามร่างกายต่างๆ เช่น โรคข้ออักเสบ ที่เกิดจากระบบภูมิคุ้มกันทำลายเนื้อเยื่อของตนเอง

บิวต์เลอร์ และฮอฟฟ์แมนน์ ค้นพบโปรตีนในร่างกายที่ทำหน้าที่จำแนกจุลชีพที่เป็นภัยต่อร่างกาย และกระตุ้นให้ "ระบบภูมิคุ้มกันขั้นต้น" ทำงาน ส่วนสไตน์แมนค้นพบเซลล์ภูมิคุ้มกันแบบมีแขนง ที่มีความสามารถในการกระตุ้นและควบคุมระบบคุ้มกัน ซึ่งปรากฏในช่วงท้ายของการกำจัดจุลชีพออกจากร่างกาย อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่า นายสไตน์มาน เพิ่งเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็ง เมื่อวันที่ 30 ก.ย. ที่ผ่านมา ก่อนการประกาศรางวัลเพียงไม่นาน

ส่วนการประกาศรางวัลโนเบลสาขาอื่น ๆ จะมีขึ้นปตลอดสัปดาห์นี้ ได้แก่ รางวัลในสาขาฟิสิกส์ เคมี วรรณกรรม และสันติภาพ