วันพฤหัสบดีที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

6 วิธีเพิ่มพลังในทุก ๆ วัน

เคล็ดลับสุขภาพ

เหนื่อยมั้ย? ที่ต้องทำงานติดต่อกันเป็นเวลานาน สารพัดประชุมที่ต้องเข้าร่วม แม้กระทั่งคุยโทรศัพท์ ตอบอีเมลล์และกินมือเที่ยงที่โต๊ะทำงานตัวเอง ร่างกายมนุษย์เราไม่ใช่เครื่องจักรนะจ๊ะ (หรือถึงเป็นเครื่องจักรถ้าทำงานตลอดเวลาก็ยังพังได้เลย)
หันมาดูแลร่างกายตัวเองกันบ้างดีกว่า ถ้างั้นลองมาดูเคล็ดลับ 6 ข้อนี้กันเลย

1. พักผ่อนให้เพียงพอ การนอนหลับเป็นสิ่งที่สำคัญมาก แม้การงีบหลับสักตื่นก็ช่วยให้ร่างกายสดชื่นได้ แต่เราควรนอนให้ได้ 7-8 ชั่วโมง เพื่อให้ร่างกายพักผ่อนอย่างเต็มที่และเพื่อให้สมองเราเปิดรับการเรียนรู้ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ โดยที่มีกลยุทธง่าย ๆ 2 วิธี

อันดับแรก ต้องกำหนดเวลานอนและล้มตัวลงนอนก่อนอย่างน้อย 30-45 นาที โดยหลีกเลี่ยงกิจกรรมที่จะกระตุ้นให้เราตื่นตัว เช่น ตอบอีเมลล์หรือคุยโทรศัพท์ เป็นต้น และหันไปหาวิธีการผ่อนคลายแทนสักอย่าง เช่น อาบน้ำอุ่น หรืออ่านหนังสือ

อันดับที่ 2 ก่อนนอนลองใช้เวลาสัก 2-3 นาทีเพื่อทบทวนดูว่ามีอะไรรบกวนจิตใจเราอยู่รึเปล่า แล้วจดใส่กระดาษไว้เพื่อกันไม่ให้เรื่องเหล่านี้ทำให้คุณข่มตาหลับไม่ลง หรือว่าต้องตื่นขึ้นมากลางดึก

2. พักสักนิดอย่างน้อยทุก ๆ 90 นาที การทำงานติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน ย่อมส่งผลต่อประสิทธิภาพการทำงานอย่างแน่นอน อยากให้คุณลองใช้เวลาแค่ไม่กี่นาทีเพื่อรีชาร์จร่างกายคุณสักหน่อย โดยลองหลับตาและหายใจเข้านับ 1 ถึง 3 และค่อย ๆ ปล่อยลมออกทางปากแล้วนับ 1 ถึง 6 ฝึกและทำเป็นประจำ เพียงเท่านี้ก็ช่วยฟื้นฟูร่างกาย และทำให้ผ่อนคลายได้มากขึ้น

3. หมั่นจดรายการที่ต้องทำ หากมีสิ่งที่ต้องทำมากมาย คุณก็ควรจดรายการเอาไว้ เพื่อที่จะเรียบเรียงและจัดการให้เป็นระเบียบ ซึ่งจะช่วยไม่ให้สมองทุกอย่างของคุณเก็บกักไว้เกินความจำเป็น

4. ออกกำลังกายและงีบหลับ ไม่มีทางไหนที่จะเคลียร์หัวสมองของคุณได้ดีเท่ากับการออกกำลังกายแล้ว และข้ออ้างสุดฮิตของคนไม่ออกกำลังกาย คงเป็น "ไม่มีเวลา" ถ้างั้นเราจะบอกว่าคุณสามารถทำได้ในช่วงมื้อเที่ยง เชื่อไหม?
ไม่ต้องสนใจเรื่องเข้ายิม หากคุณไม่มีเวลาไป เพียงแค่ใช้เวลาสัก 15 ถึง 30 นาที เดินออกไปหาอะไรกินข้างนอกในเวลาพักกลางวัน หรือแม้กระทั่งอยู่ในออฟฟิศก็ทำได้ โดยการเดินขึ้นลงบันไดก็ได้นะ

นอกจากนี้ เพียงแค่งีบหลับในช่วงเวลากลางวันสั้น ๆ สามารถช่วยให้คุณกระปรี้กระเปร่าขึ้นได้และจะช่วยให้สามารถทำให้คุณทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น เทียบกับคนที่ไม่ได้นอนหลับเลยหลังจากทำงานเป็นเวลานาน ๆ

5. ฝึกที่จะรู้จักชื่นชม ลองหาโอกาสชื่นชมใครสักคนและแสดงให้เขารู้ว่าคุณรู้สึกยังไงกับเขา โดยบอกตรง ๆ หรือเขียนโน้ตให้เขา ซึ่งจะเป็นการให้พลังด้านบวกแก่เขาและการแบ่งบันความคิดในเชิงบวกนั้นก็จะทำให้คุณรู้สึกดีขึ้นด้วย เช่นเดียวกันคุณก็ต้องหัดชื่นชมตัวเองด้วย เพื่อลิ้มรสความสุขเล็ก ๆ และให้กำลังใจตัวเองเมื่อสมควร พร้อมทั้งรู้จักให้อภัยตัวเอง เมื่อคุณผิดพลาด

6. เปลี่ยนกิจวัตรระหว่างที่ทำงานและบ้าน คนส่วนใหญ่มักจะนำงานกลับไปทำที่บ้านด้วย นั้นแสดงให้เห็นว่าคุณไม่สามารถละทิ้งงานได้เลย ทั้งที่เลิกงานแล้ว คนเราต้องผ่อนคลายกันบ้างนะ อย่าเอาตัวผูกกับงานมากเกินไปจนนำกลับไปที่บ้าน สถานที่ซึ่งควรจะเป็นที่ ๆ ทำให้คุณได้ฟื้นฟูตัวเองจากงานที่ทำมาตลอดทั้งวัน โดยที่ระหว่างทางกลับบ้านอาจจะหยุดรถแวะสวนสาธารณะ แล้วทอดอารมณ์สักเล็กน้อยให้คุณรู้สึกผ่อนคลายลง ก่อนเดินทางกลับบ้านอันแสนสุข

Les proverbes et les dictons


"Tout n'est pas rose dans la vie." การดำเนินชีวิตย่อมมีอุปสรรค(ชีวิตไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ)

"Mange pour vivre, et ne vis pas pour manger .กินเพื่ออยู่ ไม่ใช่อยู่เพื่อกิน

"La conscience fait de nous tous des lâches." วัวสันหลังหวะ

"Les murs ont des oreilles."กำแพงมีหูประตูมีช่อง

"Un homme n'est rien sans les manières" กิริยาบอกตระกูล

"Mieux vaut prévenir que guérir." กันไว้ดีกว่าแก้

"La belle plume fait le bel oiseau." ไก่งามเพราะขน คนงามเพราะแต่ง

"Les mauvaises nouvelles se répandent vite." ข่าวร้ายไปเร็ว

"Tout ce qui brille n'est pas or" ข้างนอกสุกใส ข้างในเป็นโพรง

"Entrer par une oreille et sortir par l'autre." เข้าหูซ้าย ทะลุหูขวา

"L'amour est aveugle." ความรักทำให้ตาบอด

"L'argent ne fait pas le bonheur" เงินซื้อความสุขไม่ได้

"Toutes les bonnes choses ont une fin." งานเลี้ยงต้องมีวันเลิกรา,(ไม่มีงานเลี้ยงใดไม่มีวันเลิกรา)

"Il n'est pire eau que l'eau qui dort" น้ำนิ่งไหลลึก

"Le stylo est plus puissant que l'épée." ปากกามีอำนาจมากกว่าดาบ

"Miel dans la bouche et un rasoir à la ceinture." ปากหวานก้นเปรี้ยว

"La Vie n'est pas juste." ฝนตกไม่ทั่วฟ้า