วันเสาร์ที่ 17 มีนาคม พ.ศ. 2555

5 อาชีพเสี่ยงเป็นนิ้วล็อค

นิ้วล็อค

5 อาชีพเสี่ยงเป็นนิ้วล็อค (Mix Magazine)


โรคนิ้วล็อคเป็นอีกโรคทางกล้ามเนื้อและกระดูกที่เป็นกันได้ทุกวัย โรคนี้ไม่มีอันตรายถึงกับชีวิตแต่อย่างใด แต่เมื่อโรคนี้เกิดขึ้น มือของคุณจะไม่มีทางกลับไปเป็นเหมือนเดิมได้ 100% มันจะทั้งเจ็บปวดทั้งน่ารำคาญทำอะไรก็ไม่สะดวก แถมยังต้องระวังเป็นพิเศษจนคุณแทบอยากจะหักนิ้วทิ้ง สาเหตุของการเกิดนิ้วล็อคนี้มาจากหลายสาเหตุ อาทิ การยกของหนัก การเกร็งนิ้ว การหิ้วต่าง ๆ ซึ่งจะทำให้ "ปลอกหุ้มเอ็นอักเสบ" มากขึ้นมาก ๆ จนนำไปสู่ภาวะนิ้วล็อคได้

เมื่อเกิดโรคนี้แล้วก็ต้องทำใจด้วยความที่ว่ามันไม่สามารถหายขาด แต่อย่างไรก็ตาม เราสามารถทำให้อาการดีขึ้นได้ เช่น การนวดทุยหน่า (นวดแผนจีนโบราณ) กายภาพมือ หรือวิธีที่สามารถทำได้แต่ละวันอย่างการนำขนมปังชุบน้ำส้มสายชู พันตรงนิ้วที่มีอาการ ก็จะช่วยทำให้นิ้วล็อคมีอาการที่ดีขึ้นตามลำดับ

ฉบับนี้เราจึงได้เรียง 5 อันดับอาชีพที่เสี่ยงต่อการเกิดโรคนิ้วล็อคมาให้อ่านกัน เผื่อว่าคุณมีอาจจะกำลังอยู่บนความเสี่ยงที่จะเป็นโรคนี้โดยไม่รู้ตัว

1. นักกอล์ฟ (Golfer)

นักกอล์ฟหลายท่านมักจะประสบกับปัญหานิ้วล็อค สาเหตุก็เพราะท่านนักกอล์ฟนั้นซ้อมอย่างหนักหน่วง การเกร็งจับไม้กอล์ฟที่แน่น การแรงสวิงมากเกินไป และการหวดวงสวิงซ้อมติดต่อกันอย่างไม่เว้นช่วง สิ่งเหล่านี้เป็นปัจจัยแรกที่ส่งผลทำให้เกิดการอักเสบของปลอกหุ้มเอ็นที่นิ้วมือ

ส่วนปัจจัยที่สองที่ส่งผลให้เกิดการอักเสบนิ้วล็อคก็คือ การเลือกไม้กอล์ฟที่หนักเกินกำลังของวงแขนและมือ โดยส่วนใหญ่ท่านนักกอล์ฟจะเลือกไม้ที่มีความหนักอย่างไม้กอล์ฟก้านเหล็กที่ความแข็งของก้านตั้งแต่ 5.5 - 6.5 ขึ้นไป เพื่อหวังระยะในการตีแต่ละครั้ง ทุกครั้งที่หวดซ้อมลูกและโดนลูกไม่เต็มใบ แรงสั่นหรือแรงช็อคของไม้จะส่งถึงมือและข้อนิ้วโดยตรงเป็นเหตุให้เกิดโรคนิ้วล็อคในระยะยาว

2. หมอนวดแผนโบราณ (Massager)

นวดแผนโบราณดูแล้วน่าจะเป็นอาชีพที่เสี่ยงน้อยที่สุด เพราะน่าจะมีความเข้าใจในเรื่องของเส้นเอ็นและกระดูกมากกว่าคนทั่ว ๆ ไป แต่หมองูตายเพราะงูมามากนักต่อนักแล้วครับ นวดแผนโบราณเป็นอาชีพที่ใช้นิ้วมืออย่างหนักหน่วงมาก โดยเฉพาะนิ้วหัวแม่โป้ง ข้อนิ้วมือแรกและหลังข้อนิ้วที่สอง เพราะต้องทำการกดบีบ ตัดเส้นให้กับลูกค้าผู้เส้นตึงทั้งหลาย โดยเฉพาะการนวดเท้าซึ่งผู้ที่มีเท้าแข็งและหนาจะสร้างความลำบากให้นิ้วมือของหมอนวดเป็นอย่างมาก แม้ว่าจะมีไม้นวดเท้าออกมาช่วย แต่อาชีพนวดแผนโบราณนั้น ก็ยังคงเสี่ยงนิ้วล็อคอยู่ดี เพราะไม่ใช่แค่ส่วนเท้าอย่างเดียวที่ต้องนวด แต่หมายถึงทั้งร่างกายตั้งแต่หัวจรดเท้าที่มือต้องทำหน้าที่บีบนวดคลายเส้น

3. ช่าง (Craftsman, Mechanic)

อันดับ 3 ตกเป็นของอาชีพช่างทั้งหลายครับ ช่างนั้นมีความจำเป็นที่จะต้องใช้มืออย่างหนัก เพราะในทุก ๆ วันต้องอยู่กับเครื่องมือเครื่องไม้ที่ใช้แรง โดยเฉพาะงานอย่างช่างฝีมือหรือช่างเครื่องที่วัน ๆ ต้องอยู่กับไขควง ประแจ สิ่ว กบไสไม้ ขวาน หรือค้อนต่าง ๆ งานใดที่ยิ่งประณีต นั่นหมายถึงเวลาและเรี่ยวแรงที่ต้องเสียไป ช่างฝีมือ อาทิ ช่างไม้ไทยที่ทำหน้าที่สร้างบ้านเรือนไทยอย่างเรือนเครื่องสับ จะต้องอยู่กับเลื่อย สิ่ว ค้อน ทั้งวัน เพื่อที่จะทำหน้าที่ขึ้นรูปไม้ที่จะใช้ประกอบไม้ในแต่ละชิ้นส่วนงานออกมาให้ประณีตที่สุด ซึ่งนั่นก็หมายถึงความเสียหายที่มือจะต้องได้รับนั่นเอง

4. นักยูโด (Judo, Jujitsu)

อาชีพนักยูโดเป็นอีกอาชีพหนึ่งที่ต้องฝึกฝนกำลังข้อมือกำลังแขน และกำลังนิ้วเป็นอย่างมาก เพื่อที่จะได้มีความแข็งแรงมากพอที่จะจับคู่ต่อสู้ทุ่มลง ฟาดนอนไปกับพื้น ซึ่งนักยูโคต้องใช้มือกำตรงชายเสื้อชุดยูโด (กิ) แล้วฉุดกระชากดึงในท่วงท่าที่หลากหลายรูปแบบเพื่อให้คู่ต่อสู้เสียหลัก ซึ่งบางครั้งคู่ต่อสู้บิดตัวทำให้ชายเสื้อม้วนรัดที่กำปั้นและข้อมือ ก็นำมาซึ่งอาการบาดเจ็บได้

กีฬายูโดเป็นกีฬาที่ต้องใช้กำลังนิ้วติดต่อกับเป็นเวลานานไม่ว่าจะเป็นในเวลาแข่งหรือในเวลาซ้อม อีกทั้งนักยูโดจะฝึกกำลังนิ้ว ด้วยการนำเอายางในจักรยานมาผูกเข้ากับเสา แล้วดึงขึ้นลงอยู่ตลอดทำให้เกิดความเสี่ยงต่อโรคนิ้วล็อคได้มากกว่าอาชีพอื่น ๆ

5. แม่บ้าน (Housewife)

อันดับสุดท้าย เป็นเรื่องที่ไม่น่าคาดคิดครับว่าเป็นอาชีพที่ใกล้ตัวเรามากที่สุด นั่นก็คือ แม่บ้านนั่นเอง งานหลักของแม่บ้านนั้นก็คือทำงานในบ้าน ไม่ว่าจะทำกับข้าว จ่ายตลาด ทำความสะอาดบ้าน แต่ในทุกรายละเอียดของการทำงานนั้นเต็มไปด้วยสภาวะที่เสี่ยงต่อการเกิดโรคนิ้วล็อคทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นหิวตะกร้าหรือหิ้วถุงเดินตลาด ทำกับข้าวที่ต้องใช้แรงผัด แรงกวน หรือการซักผ้า บิดผ้าความเสี่ยงที่จะเกิดนิ้วล็อคล้วนเกิดขึ้นตลอดเวลาในการทำงาน ที่สำคัญอาชีพแม่บ้านนั้นไม่มีวันหยุด ปัจจุบันแม่บ้านเป็นจำนวนมากจึงต้องเจอกับโรคนิ้วล็อคอย่างหลีกเลี่ยงได้ยาก

วันจันทร์ที่ 5 มีนาคม พ.ศ. 2555

รูปปากบอกนิสัย



ปากใหญ่ คุณเป็นผู้หญิงที่กระตือรือร้นมากๆ เลยนะคะ ชอบดิ้นรนหาสิ่งใหม่ๆ รักการเรียนรู้ เอาแต่ใจตัวเองเป็นที่หนึ่ง แต่ก็แอบมีความขี้สงสารอยู่ไม่น้อยค่ะ

ปากเล็ก คุณเป็นคนที่จิตใจหวั่นไหวง่ายมากๆ ใจอ่อน ชอบเก็บความรู้สึก มีความใฝ่ฝันและทะเยอทะยานสูง รักความเป็นส่วนตัวเพื่อนเยอะแต่ค่อนข้างเอาแต่ใจตัวเองอยู่เหมือนกัน

ปากอิ่ม คุณเป็นคนที่มีอารมณ์โรแมนติกทีเดียวค่ะ มีเสน่ห์ต่อเพศตรงข้าม ช่างฝัน มีความเป็นผู้นำสูง รักความยุติธรรม ชอบวางแผนชีวิต กล้าได้กล้าเสีย และเป็นสาวใจบุญ ชอบทำบุญมากๆ

ปากอ้าหรือเผยอ แบบสาวอั้มคนสวย คุณเป็นคนที่มีจิตใจดีงาม มีอารมณ์ขันตลอด เปิดเผย ใจกว้าง มองโลกในแง่ดี แต่มักเป็นคนที่ลังเล สองจิตสองใจ ขี้สงสารและหวั่นไหวง่าย

ปากบาง คุณเป็นคนที่มีเหตุผล มีความคิดดี รอบคอบ สามารถเก็บความรู้สึกและควบคุมตนเองได้ดี ฉลาดรู้เท่าทันคน ชอบช่วยเหลือ รักสัตว์เป็นที่มาของชีวิตนางงามทั่วไปจ้า

ปากคว่ำ คุณเป็นคนที่ดื้อรั้น เอาแต่ใจตนเองมากไปหน่อย แต่มีความตั้งใจแน่วแน่ ชอบวางแผนชีวิตเสมอ แต่ค่อนข้างจะเป็นคนที่รักสนุก รักอิสระอยู่ไม่น้อยเลยล่ะค่ะ

จะเรียวปากแบบไหนก็ตามแต่ไม่ว่ากันเพราะว่าวิทยาการทางการแพทย์สมัยนี้เนรมิตให้ผู้หญิงเราสวยได้เสมออยู่แล้วที่สำคัญเพียงอย่างเดียวขอให้ปากหวานพูดจาไพเราะเสนาะหูแค่นี้ก็ชื่นใจใครหลายคนแล้วค่ะ


ขอบคุณข้อมูลโดย Horolive
ขอบคุณภาพประกอบจาก Photos.com

'บิล เกตส์' กับ 11 เรื่องที่โรงเรียนไม่เคยสอนคุณ


เผอิญไปอ่านเจอ เรื่องดี ๆ เกี่ยวกับผู้ชายคนนี้ ในเว็บไซต์ secret.extrarisk.com กับ ’11 Things You Don’t Get to Learn in School’ หรือ ’11 สิ่งที่โรงเรียนไม่ได้สอนคุณ’ ซึ่งเป็นกฎที่บิล เกตต์เคยพูดเอาไว้ เมื่อมีคนถามว่า ทำอย่างไรเขาถึงได้ประสบความสำเร็จ และรวยมหาศาลเช่นทุกวันนี้ ที่สำคัญสิ่งเหล่านี้ หาไม่เจอในโรงเรียนหรือสถาบันการศึกษาที่เราตั้งหน้าตั้งตาเรียนกันมากว่า 10 ปี

กฎข้อที่ 1 ชีวิตนี้ไม่ยุติธรรมนักหรอก ทำความเคยชินกับมันซะเถอะ

กฎข้อที่ 2 โลกไม่สนใจหรอก ว่าคุณจะมั่นใจในตัวเองแค่ไหน แต่โลกนี้คาดหวัง ‘ความสำเร็จ’ ที่เกิดจากความมั่นใจของคุณต่างหาก

กฎข้อที่ 3 ไม่มีทางที่คุณจะทำเงินได้ปีละ 60,000 เหรียญ (เกือบ 2 ล้าน) ทันทีที่เพิ่งจบมัธยม และ ก็อย่าหวังเลยว่าจะได้เป็นประธานบริษัทที่มีรถประจำตำแหน่งพร้อมโทรศัพท์ใน รถส่วนตัวด้วย

กฎข้อที่ 4 ถ้าคุณคิดว่า อาจารย์กำลังสอนบทเรียนอันน่าเบื่อ ลองไปทำงาน แล้วเจอกับเจ้านายสิ

กฎข้อที่ 5 การคิดคำแสลงใหม่ ๆ ไม่ใช่เรื่องผิด เพราะปู่ย่าตายายของคุณก็เคยทำมาก่อน

กฎข้อที่ 6 ชีวิตที่ยุ่งเหยิงของคุณ ไม่ใช่ความผิดของพ่อแม่ เลิกคร่ำครวญเกี่ยวกับสิ่งที่พลาดไปแล้ว แต่จงเรียนรู้จากมัน

กฎข้อที่ 7 ก่อนที่คุณจะเกิด พ่อแม่ไม่ได้น่าเบื่อเหมือนที่คุณรู้สึกตอนนี้ พวกเขาต้องทำงานอย่างหนัก มาจ่ายบิลต่าง ๆ ต้องซักเสื้อผ้าให้กับคุณ พวกเขาต้องอดทนฟังคุณคุยอวดในเรื่องไม่เข้าท่า ดังนั้น ถ้าคุณคิดจะทำเรื่องใหญ่ ๆอะไรก็ตาม เช่น ช่วยอนุรักษ์ป่าฝนรุ่นบรรพบุรุาจากการถูกปรสิตทำลาย ช่วยกำจัดเห็บเหาที่มันแพร่พันธุ์ในตู้เสื้อผ้ารก ๆ ของคุณซะก่อน

กฎข้อที่ 8 ชีวิตในโรงเรียนอาจตัดสินคุณว่าเป็นผู้ชนะหรือแพ้ แต่ชีวิตจริง ‘ไม่ใช่’ บางโรงเรียนสอนการเป็นผู้แพ้ด้วยซ้ำไป แถมยังให้โอกาศคุณมากมายในการทำสิ่งที่ถูกต้อง พูดง่าย ๆ ก็คือ ชีวิตในโรงเรียน ไม่เหมือนชีวิตจริงหรอก

กฎข้อที่ 9 ชีวิต ไม่ได้แบ่งเป็นเทอมๆ ไม่มีช่วงซัมเมอร์ให้คุณไปค้นหาตัวตน

กฎข้อที่ 10 สิ่งที่เกิดขึ้นในโทรทัศน์ ไม่ใช่ชีวิตจริง เพราะในชีวิตจริง ผู้คนต้องรีบเช็คบิลจากร้านกาแฟ และตรงดิ่งไปทำงาน (เราจะเห็นว่าในละครส่วนใหญ่ คนมักออกจากที่ทำงานมาคุยกันที่ร้านกาแฟ)

กฎข้อ 11 เป็นมิตรกับความ ‘เนิร์ด’ แล้ว ชีวิตคุณจะไม่ต้องเป็นลูกจ้างใครอีกต่อไป

วันเสาร์ที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2555

เหตุผลดีๆ ที่ควรยิ้มยิ้มวันละนิด

เหตุผลดีๆ ที่ควรยิ้มยิ้มวันละนิด จิตแจ่มใส...การยิ้มเป็นการเริ่มต้นมิตรภาพที่ดีที่สุด...การยิ้มในวันที่อ่อนล้าหรือเซ็งสุดๆ ในชีวิต จะช่วยกระตุ้นให้คุณรู้สึกดีขึ้น...ยิ้มสวยๆ เพียงครั้งเดียวดีกว่าคำพูดนับแสนคำทั้งหมดนี้เป็นตัวอย่างเหตุผลดีๆ ที่เราควรส่งยิ้มให้แก่กัน แต่ ‘ยิ้ม' ยังมีประโยชน์มากกว่านี้อีกนะคะ เพราะเมื่อเรายิ้มกล้ามเนื้อใบหน้าก็จะเคลื่อนไหว ส่งผลให้โลหิตแดงที่ไปเลี้ยงสมองมีอุณหภูมิลดลง ช่วยให้รู้สึกผ่อนคลาย และในขณะที่เรากำลังยิ้มนั้น หัวใจก็จะเต้นช้าลง ความดันโลหิตลดลง ระบบต่างๆ ในร่างกายก็จะผ่อนคลายลง ฮอร์โมนอะดรีนาลีนซึ่งเป็นฮอร์โมนแห่งความเครียดก็จะถูกขับออกมาน้อยลงด้วยค่ะ

นอกจากยิ้มจะช่วยให้มีสุขภาพที่ดีแล้ว ยิ้มยังช่วยในเรื่องของจิตใจ สภาวะทางอารมณ์และกระบวนการคิดของสมองอีกด้วย เพราะเมื่อคุณยิ้มจิตใจก็จะผ่อนคลาย สมองก็จะได้รับออกซิเจนอย่างเต็มที่ กระบวนการทางความคิดก็จะกระจ่างช่วยให้คุณแก้ไขปัญหาต่างๆ หรือเกิดมุมมองที่ดี ให้แก่ชีวิตได้มากขึ้น แถมยังช่วยกระจายความสุขไปสู่ผู้ที่พบเห็นอีกด้วยนะคะ มีข้อดีมากมายอย่างนี้ สาวๆ ก็อย่ามัวผูกคิ้วเป็นโบกันนะคะ แล้ววันนี้...คุณ ‘ยิ้ม' แล้วหรือยัง?

ข้าวโพดสีม่วง ช่วยต้านมะเร็ง


รู้หรือไม่ว่า ข้าวโพดเหนียวสีม่วงที่มีรสชาติหวานนุ่มลิ้นและเคี้ยวเพลินนั้น มีคุณสมบัติช่วยในการต้านอนุมูลอิสระ ลดโอกาสในการเกิดโรคมะเร็ง และยังช่วยร่างกายสมานแผลและต่อต้านเชื้อโรคอีกด้วย ซึ่งในข้าวโพดเหนียวสีม่วงนี้มีสารที่เรียกว่า ‘แอนโทไซยานิน' ที่จะช่วยส่งเสริมการทำงานของเม็ดเลือดแดง ควบคุมระดับน้ำตาลและช่วยชะลอการเกิดไขมันอุดตันในหลอดเลือดอีกด้วย นอกจากจะอร่อยแล้ว ยังมีคุณค่าทางสารอาหารสูงอีกด้วยนะคะ เรียกได้ว่าสาวๆ คนใดที่รักสุขภาพ คงต้องรีบให้ข้าวโพดชนิดนี้เป็นหนึ่งในตัวช่วยบำรุงร่างกายแล้วล่ะค่ะ

ขอขอบคุณ :นิตยสาร woman plusผู้สนับสนุนเนื้อหา

ค้นพบดาวเคราะห์ดวงใหม่ประกอบด้วยน้ำเป็นส่วนใหญ่


นักวิทยาศาสตร์สหรัฐ เผยผลการค้นพบดาวเคราะห์ดวงใหม่ที่บริเวณพื้นผิวประกอบด้วยน้ำร้อน

นักวิจัยจากศูนย์ดาราฟิสิกส์แห่งฮาร์วาร์ด-สมิธโซเนียน กล่าวว่า ค้นพบดาวเคราะห์ชนิดใหม่ที่ไม่ได้มีหินแข็ง ก๊าซ หรือวัตถุอื่น ๆ ที่พบทั่วไปเป็นส่วนประกอบ แต่ประกอบด้วยน้ำและมีบรรยากาศปกคลุมด้วยไอน้ำหนาทึบ ซึ่งข้อมูลนี้ได้มาจากการสำรวจอย่างละเอียดของกล้องโทรทรรศน์อวกาศฮับเบิลขององค์การนาซา

นักดาราศาสตร์กล่าวว่า ดาวเคราะห์ จีเจ1214บี ไม่เหมือนกับดาวเคราะห์ที่เคยรู้จัก เนื่องจากมวลส่วนใหญ่ประกอบด้วยน้ำ ดาวดวงนี้ถูกค้นพบครั้งแรกในปี 2552 โดยโครงการเอ็มเอิร์ธและได้รับการขนานนามว่า "ซูเปอร์-เอิร์ธ" เนื่องจากมีเส้นผ่าศูนย์กลางใหญ่กว่าโลกประมาณ 2.7 เท่า และมีน้ำหนักมากกว่าโลกเกือบ 7 เท่า

ผลการศึกษาเพิ่มเติมในปี 2553 พบว่า พื้นที่ส่วนใหญ่ของดาวดวงนี้ปกคลุมด้วยน้ำ มีหินแข็งน้อยมาก และมีแรงดันและอุณหภูมิสูงถึง 232 องศาเซลเซียส ด้วยสภาพที่แปลกประหลาดเช่นนี้ทำให้นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่า มีความเป็นไปได้สูงที่จะเกิดสิ่งแปลกประหลาด เช่น "น้ำแข็งร้อน"

ดาวเคราะห์ดังกล่าวมีลักษณะแตกต่างไปจากดาวเคราะห์ในระบบสุริยจักรวาลซึ่งมีดาวเคราะห์ 3 ประเภทคือดาวเคราะห์ที่ประกอบด้วยหินแข็ง เช่น โลก ดาวเคราะห์ที่เป็นกลุ่มก๊าซขนาดใหญ่ เช่น ดาวพฤหัส หรือดาวเสาร์ และดาวเคราะห์เป็นก้อนน้ำแข็งขนาดใหญ่เช่นดาวยูเรนัส. -สำนักข่าวไทย