วันพฤหัสบดีที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2554
ไทยติดอันดับ 37 ประเทศเสี่ยงภัยพิบัติทางธรรมชาติ
วันพุธที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2554
สุขาใช้ง่าย สบายก้น กับวิธีป้องกันน้ำทะลักจากส้วม
วันพุธที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2554
10 ตำนานลึกลับของอารยธรรมอียิปต์โบราณ
1 . พระนางคลีโอพัตรา กับรูปโฉมที่แท้จริง
พระนางคลีโอพัตตรา Cleopatra VII นับได้ว่าเป็นผู้ปกครองอียิปต์โบราณที่มีชื่อเสียงมากที่สุด ซึ่งในความรู้สึกนึกคิดของคนทั่วไป เธอคือพระราชินีผู้ทรงเสน่ห์ที่สุด มีรูปโฉมที่งดงาม เพรียบพร้อมไปด้วยกลเม็ดเด็ดพรายในเชิงพิศวาส สามารถมัดใจชายได้อย่างอยู่หมัด แต่แท้ที่จริงแล้ว เสน่ห์ของพระนางคลีดอพัตราไม่ได้อยู่ที่เนื้อหนังสังสาหรือความงดงามแห่งใบหน้าและเรือนกายเลย แต่อยู่ที่สติปัญญาและความเฉลียวฉลาดรู้เท่าทันคนต่างหาก โดยมีหลักฐานชิ้นหนึ่งที่บ่งบอกถึงความจริงเรื่องนี้ ก็คือการค้นพบรูปปั้นส่วนพระเสียรขององค์ราชินีและเหรียญที่มีภาพพระพักตร์ของพระนาง ซึ่งเป้นการค้นพบของนักโบราณคดีรายหนึ่ง
2. ความเชื่อเกี่ยวกับความตาย
ชาวอียิปต์โบราณมีความเชท่อที่ว่า เมื่อคนตาย ดวงวิญญารออกจากร่างไปเพียงชั่วคราว เพื่อเดินทางไปพบกับพระเจ้าในโลกหน้า แล้วจะกลับมาในวันหนึ่งข้างหน้า ทั้งนี้ เมื่อวิญญารกลับมาแล้วก็ต้องมีร่างกายอยู่ และร่างที่จะอาศัยอยู่ได้ต้องเป็นรา่งของตัวเองเท่านั้น และด้วยความเชื่อนี้เองจึงทำให้เกิดวิธีการดูแลศพหรือที่เรารู้จักกันอย่างดีกับการทำ มัมมี่ เพื่อให้ศพยังอยู่ในสภาพที่ดี ไม่เน่าเปื่อยนั่นเอง
3. การปรากฏตัวของเอเลี่ยน
ในทุกวันนี้กระแส เอเลี่ยน หรือมนุษย์ต่างดาว ก็ยังคงมีให้เห็นอยู่อย่างต่อเนื่อง แต่คุณรู้หรือไม่ว่าการปรากฏตัวของเองเลี่ยนมีให้เห็นมาแล้วตั้งแต่สมัยอียิปต์โบราณทีเดียว สิ่งหนึ่งที่ยืนยันในเรื่องนี้ ก็มาจากภาพบนฝาผนังภายในสุสานในเมืองกิซ่า โดยหนึ่งในภาพบนฝาผนังนั้นมีการวาดภาพของเอเลี่ยนปะปนอยู่ด้วย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็ต้องใช้วิจารณญาณในการตัดสินใจด้วย เพราะบางทีภาพๆ นี้ อาจจะเป็นเพียงแค่รูปของสิ่งของอื่นๆ ที่มีลักษณะคล้ายกับเอเลี่ยนเท่านั้นเอง
4. ที่สุดแห่งการค้นพบ
อีกสิ่งหนึ่งที่น้อยคนนักจะนึกถึงและรู้จักเกี่ยวกับประวัติของอียิปต์โบราณก็คือในเรื่องของการค้นพบที่ยิ่งใหญ่ เพราะนอกจากมหาพีระมิดต่างๆ แล้ว ข้อมูลอันล้ำค่าทางประวัติศาสตร์ที่ค้นพบกันนั้นก็คือ เรือ โซล่าร์ Solar Boat หรือเรือแห่งแสงอาทิตย์ที่เชื่อกันว่า จะเป็นพาหนะที่นำพาวิญญาณขององค์กษัตริย์ไปหาเทพเจ้าแห่งแสงอาทิตย์บนสวรรค์ได้ เรือโซล่าร์นี้สร้างขึ้นจากไม่มากกว่า 1200 ชิ้น สันนิษฐานว่าสร้างตั้งแต่ 2500 ปีก่อนคริสตกาลและอาจจะเป็นเพียงเครื่องบูชาพระศพในสุสาน ไม่ได้ไปใช้ล่องในแม่น้ำจริงๆ แต่อย่างใด
5. อักษรภาพอียิปต์โบราณ
อักษรภาพอียิปต์โบราณหรือที่เรียกกันว่า ฮีโรกริฟฟิค Hieroglyphs ถือเป็นอีกสิ่งหนึ่งในความอัศจรรย์ที่เกิดขึ้นบนโลกใบนี้ ความชำนาญทางศิลปหัตถกรรม งานช่าง และการทำหนังสือของชาวอียิปต์โบราณถือเป็นสิ่งที่น่าทึ่งมากๆ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อของพวกเขาที่มีอำนาจและอิทธิพลต่อพิธีกรรมและการดำรงค์ชีวิตอย่างสูง สำหรับอักษรภาพอียิปต์โบราณนี้ เป็นภาพอักษรที่มักจะสลักเรื่องราวเกี่ยวกับองค์ฟาโรห์ ราชวงค์ การเมืองการปกครอง และเรื่องราวทางศาสนา ซึ่งจะมีปรากฏให้เห็นอยู่ตามวิหารและสิ่งก่อสร้างทั้งหลาย โดยแต่ละภาพก็จะมีการสื่อความหมายที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งนี่เองจึงทำให้การค้นพบในครั้งแรกๆ นั้น ก็สร้างความมึนงงให้เหล่านักสำรวจอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว
6. การตกแต่งภายในพีระมิด
นอกจากโครงสร้าง วัสดุ และวิธีการสร้างพีระมิด จะมีความอลังการงานสร้างอย่างยิ่งใหญ่มากๆ แล้ว ภายในของพีระมิดเองยังมีการตกแต่งอยู่อย่างสวยงามตามสมัยอีกด้วย สิ่งหนึ่งที่พบได้ภายในพีระมิด นั่นก็คือ เหล่าบรรดาอักษรภาพฮีโรกริฟฟิคอายุอานามกว่า 4000 ปี ซึ่งช่วยให้พีระมิดที่ค้นพบกันนั้นกลายเป็นสถาปัตยกรรมอันล้ำค่าและมรอายุเก่าแก่มากที่สุดแห่งหนึ่งของโลกใบนี้
7. องค์ฟาโรห์กับการฝังทาสรับใช้
หลังจากการสิ้นพระชนม์ขององค์ฟาโรห์แล้ว เหล่าบรรดาข้าทาสบริวารของพระองค์ไม่ได้ถูกฆ่าหรือโดนฝังทั้งเป็นในสุสานขององค์ฟาโรห์อย่างที่เคยทราบๆ กันแต่อย่างใด เพราะมีหลักฐานทางประวัติศาสตร์ชิ้นหนึ่ง ได้กล่าวไว้ว่า องค์กษัตริย์ฟาโรห์องค์สุดท้ายทรงเล็งเห็นว่า ข้าทาสของพระองค์ยังสามารถทำประโยชน์อื่นๆ ได้มากกว่าการถูกฆ่าหรือฝังไปอย่างเปล่าประโยชน์ และเพื่อไม่ให้เป็นการขัดต่อประเพณีที่มีการสืบต่อกันมาช้านาน พระองค์จึงทรงรับสั่งให้นำ ชับติ Shabti หรือรูปแกะสลักที่ทำจากหลากหลายวัสดุ ทั้ง ขี้ผึ้ง ไม่ ดินเหนียว หิน แก้ว ดินเผา และสัมฤทธิ์ โดยทำหน้าที่เหมือนคนรับใช้ลงไปฝังในสุสานแทนชีวิตของคนเป็นๆ
8. เหล่าทาสคือผู้สร้างพีระมิด
เป็นที่ถงเถียงกันอยู่พอสมควร กับประเด็นที่ว่าด้วยความยิ่งใหญ่ของพีระมิดประกอบกับความที่เทคโนโลยีและหลักการทางวิศวกรรมต่างๆในสมัยนั้นยังไม่น่าจะเจริญเท่าที่ควร ใครคือผู้สร้างพีระมิดกันแน่ และใช้วิธีการใดในการขนย้ายก้อนหินที่มีน้ำหนักมากๆ ขึ้นที่สูงกันได้ ทั้งนี้ จากหลักฐานของนักประวัติศาสตร์ชาวกรีก ได้ระบุเอาไว้ในช่วงศตวรรษที่ 5 ก่อนคริสตกาลที่ว่า เหล่าบรรดาช่างฝีมืออียิปต์มากมายนับหมื่นนับแสนคน คือผู้ที่สร้างพีระมิดอันยิ่งใหญ่ตระการตา ไม่ใช่ทาสอย่างที่ในภาพยนตร์ฮอลลีวู้ดตีความหรือสร้างฉากให้เห็นกันก่อนหน้านี้แต่อย่างใด
9. ชาวอิสราเอลคือทาสของอียิปต์ในยุคนั้น
สิ่งที่เราๆ ท่านๆ ได้เคยเรียนรู้เกี่ยวกับประวัติของอียิปต์นั้น หลักๆ ก็คือเรื่องของการสร้างพิระมิด องค์กษัตริย์ฟาโรห์ และอื่นๆ อีกสารพัด แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น หลายต่อหลายคนคงจะนึกกันไปว่า ทาสรับใช้คงจะเป็นชาวอียิปต์กันแน่ๆ แต่แท้ที่จริงแล้ว เหล่าทาสรับใช้ต่างเป็นชาว ฮิบรู Hebrew หรือชาวอิสราเอลในปัจจุบันนั่นเอง ซึ่งจากคำกล่าวในคัมภีร์ไบเบิลนั้น ได้ระบุไว้ว่า ชาวฮิบรูได้ตกเป็นทาสของอียิปต์นับตั้งแต่ที่องค์กษัตริย์ทำการยึดดินแดนและอาณาจักรต่างๆ เข้ารวมกันเป็นอารยะรรมอียิปต์ ซึ่งนั้นทำให้ชาวฮิบรูต้องมีสถานะเป็นทาส และเป็นเบี้ยล่างให้กับอียิปต์ไปโดยปริยาย
เผย 10 อันดับ สุดยอดแบรนด์สินค้าโลก ปี 2011
วันอังคารที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2554
ตลาดร่มหุบ, ตลาดรถไฟ
ตลาดร่มหุบ, ตลาดรถไฟ
ผู้พบภูมิคุ้มกันมนุษย์ใหม่ คว้าโนเบลแพทยศาสตร์
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก vixra.files.wordpress.com
รางวัลโนเบลสาขาการแพทย์ ประจำปี 2554 ตกเป็นของ 3 นักวิทยาศาสตร์ผู้ค้นพบความลับใหม่ของระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายมนุษย์ ที่สามารถช่วยต้านเนื้องอกและมะเร็งร้ายได้
สถาบันแคโรลินสกาแห่งประเทศสวีเดน ประกาศมอบรางวัลโนเบลสาขาการแพทย์แก่นักวิทยาศาสตร์ชาวสหรัฐ "บรูซ บิวต์เลอร์" และนักวิทยาศาสตร์ชาวฝรั่งเศสเชื้อสายลักเซมเบิร์ก "ฌูเลส์ ฮอฟฟ์แมนน์" และชาวสหรัฐเชื้อสายแคนาดา "ราล์ฟ สไตน์แมน"
สถาบันชี้แจงว่า ผู้ได้รับรางวัลโนเบลปีนี้ปฏิวัติความเข้าใจด้านการแพทย์ ผ่านการค้นพบเซลล์ภูมิคุ้มกันที่เป็นกุญแจสำคัญของระบบภูมิคุ้มกันทั้งหมด ของร่างกายมนุษย์ บิวต์เลอร์ และฮอฟฟ์แมนน์ ได้รับรางวัลครึ่งหนึ่งจากทั้งหมด 1.46 ล้านเหรียญสหรัฐ ส่วนสไตน์แมนรับอีกครึ่งหนึ่งที่เหลือ งานของนักวิทยาศาสตร์ทั้ง 3 มีความสำคัญต่อความเข้าใจ และการพัฒนาระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายมนุษย์ เพื่อต่อต้านโรคร้ายต่างๆ ไปจนถึงการรักษาโรคมะเร็ง งานวิจัยของทั้งสามยังช่วยวางรากฐานการแพทย์แผนใหม่ ที่ใช้ "วัคซีนบำบัด" กระตุ้นให้ภูมิคุ้มกันในร่างกายกำจัดเซลล์เนื้องอก
นอกจากนี้ การทำความเข้าใจระบบภูมิคุ้มกันอันซับซ้อนของร่างกายมนุษย์ สามารถนำมาปรับใช้เพื่อทำความเข้าใจอาการของโรคอักเสบตามร่างกายต่างๆ เช่น โรคข้ออักเสบ ที่เกิดจากระบบภูมิคุ้มกันทำลายเนื้อเยื่อของตนเอง
บิวต์เลอร์ และฮอฟฟ์แมนน์ ค้นพบโปรตีนในร่างกายที่ทำหน้าที่จำแนกจุลชีพที่เป็นภัยต่อร่างกาย และกระตุ้นให้ "ระบบภูมิคุ้มกันขั้นต้น" ทำงาน ส่วนสไตน์แมนค้นพบเซลล์ภูมิคุ้มกันแบบมีแขนง ที่มีความสามารถในการกระตุ้นและควบคุมระบบคุ้มกัน ซึ่งปรากฏในช่วงท้ายของการกำจัดจุลชีพออกจากร่างกาย อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่า นายสไตน์มาน เพิ่งเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็ง เมื่อวันที่ 30 ก.ย. ที่ผ่านมา ก่อนการประกาศรางวัลเพียงไม่นาน
ส่วนการประกาศรางวัลโนเบลสาขาอื่น ๆ จะมีขึ้นปตลอดสัปดาห์นี้ ได้แก่ รางวัลในสาขาฟิสิกส์ เคมี วรรณกรรม และสันติภาพ